xs
xsm
sm
md
lg

หนังสือฮาวทู คู่มือใช้ชีวิตในยุค 2000

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ชีวิตคนเราต้องมีที่ปรึกษา นอกเหนือคำแนะนำจากบุคคลซึ่งเคยอาบน้ำร้อนมาก่อน หนังสือก็ถือเป็นที่ปรึกษาที่ดีที่สุดอีกทางหนึ่ง ยามที่ต้องเผชิญหน้ากับปัญหาที่รุมเร้า หลายคนจึงหันไปพึ่งพาหนังสือสำเร็จรูปทางความคิดที่รู้จักกันในชื่อว่าหนังสือ "ฮาวทู" เมื่อต้องการคำแนะนำ สูตรสำเร็จรูป กลเม็ดเคล็ดลับ รวมไปถึงผลลัพธ์ที่จะนำไปสู่การตัดสินใจขั้นสุดท้ายเพื่อเปลี่ยนแปลงชีวิต

จากธุรกิจฮาวทู คู่มือความสำเร็จในการจัดการบริหาร สูตรสำเร็จในการใช้ชีวิตให้ประสบความสำเร็จ โดยไม่ต้องเสี่ยงจากการลองผิดลองถูกด้วยตัวเองทั้งหมด วันนี้ ฮาวทูจิตวิทยาความสัมพันธ์ ความรัก สารพันวิธีสร้างเสน่ห์ แนะเทคนิคดึงดูดใจเพศตรงข้าม ได้เข้ามาแบ่งพื้นที่บนแผงหนังสือ สร้างความผูกพันทางใจกับกลุ่มนักอ่านวัยรุ่นสาวเล็กไปจนถึงสาวใหญ่มากขึ้น

นัยแห่งสูตรสำเร็จ

สมพงษ์ สุวรรณจิตกุล ผู้จัดการสำนักพิมพ์ผู้จัดการ ให้ความหมายของหนังสือ ฮาวทู (how to) คือหนังสือที่ชี้เฉพาะเจาะจงถึงหลักการปฏิบัติ "สอนวิธีการปฏิบัติเป็นขั้นตอนให้เห็นเป็นรูปธรรม ใช้อย่างไร ทำอย่างไร ทำให้เกิดเป็นรูปธรรมได้อย่างไร"

ด้าน สริดา สาระจันทร์ บรรณาธิการจัดการฝ่ายผลิต ซีเอ็ดบุ๊คเซ็นเตอร์ มองว่าตลาดหนังสือฮาวทู กินความหมายค่อนข้างกว้าง ไม่จำกัดเฉพาะในกลุ่มที่เป็นหนังสือด้านบริหารธุรกิจ แต่ยังรวมถึงหนังสือทุกประเภทที่แนะนำไปถึงขั้นตอนวิธีการทำ การพัฒนา หรือการสร้างแนวคิดต่างๆเรียกได้ว่าเป็นหนังสือฮาวทู ทั้งสิ้น

"ครอบคลุมหนังสือเกือบทุกกลุ่มที่เกี่ยวกับการแนะนำวิธีการ กลุ่มพัฒนาตนเอง การพัฒนาองค์กรและบุคคล การจัดการธุรกิจ การจัดการทั่วไป จิตวิทยา การเงิน การขาย การตลาด แม้กระทั่งหนังสือเกี่ยวกับกฎหมาย ในเชิงธุรกิจเกี่ยวกับกฎหมายภาษี หนังสือในกลุ่มวิชาชีพ อย่างการทำอาหาร การประดิษฐ์ เย็บปักถักร้อย หรือการดูแลสุขภาพต่างๆ คู่มือดูแลสุขภาพด้วยการล้างพิษ คู่มือดูแลสุขภาพด้วยวิตามินและเกลือแร่ ฮาวทูแยกเป็นหลายระดับอยู่ที่คนอ่านต้องการข้อมูลลึกมาก-น้อยเพียงใด จากนั้นขึ้นอยู่ที่คนอ่านจะนำไปต่อยอดได้แค่ไหน"

ธุรกิจ-การจัดการ บุกเบิกตลาดฮาวทู

หากเอ่ยถึงความเจริญก้าวหน้าทางเศรษฐกิจ เทคโนโลยี หลักการและปรัชญาจากซีกโลกตะวันตกมักเป็นที่ยอมรับและเป็นแบบอย่างในการนำไปประยุกต์ใช้ในประเทศกำลังพัฒนา กลายเป็นช่องทางให้หนังสือ ธุรกิจ ฮาวทู เข้ามาเปิดตลาดบนแผงหนังสือ โดยเฉพาะในยุคที่การสื่อสารร้อยรัดเข้าหากัน เป็นเรื่องไม่ยากที่คำแนะนำจากซีกโลกหนึ่งจะส่งผ่านไปยังผู้คนอีกซีกโลก

"พอประเทศไทยเปิดแผนการค้ากับต่างประเทศ การค้าธุรกิจมากขึ้น มีการส่งออกสูง จำเป็นต้องใช้คนที่มีความรู้กลไกการจัดการ มีหนังสือและสถาบันการศึกษาการจัดการบริหารการตลาดมากมาย ก่อให้เกิดความกระตือรือร้นโดยเฉพาะภาคเอกชน กลุ่มนักศึกษาบริหารธุรกิจ สามารถไปศึกษาตำรับตำราเกี่ยวกับการจัดการบริหาร ประกอบกับมีคนไปศึกษาต่างประเทศขยายทักษะการเรียนรู้ เอาตำราเหล่านี้เข้าประเทศเป็นจุดให้ฮาวทู ธุรกิจบูมมากขึ้น" สมพงษ์จากสำนักพิมพ์ผู้จัดการอธิบาย

ในจำนวนฮาวทู ธุรกิจซึ่งมีล้นแผงหนังสือจนเลือกไม่หวาดไม่ไหว ชื่อของ "พ่อรวยสอนลูก" ธุรกิจฮาวทู ของสำนักพิมพ์ซีเอ็ด ถือเป็นที่ยอมรับของบรรดาหนอนหนังสือในแง่ของการสร้างกระแสความนิยมในกลุ่มธุรกิจฮาวทู ทว่าก่อนหน้านี้ฮาวทูเล่มแรกๆซึ่งซีเอ็ดบุกเบิกตลาดมาตั้งแต่แรกคือ "อ่านงบการเงินให้เป็น"

"ผู้บริหารทำธุรกิจขนาดเล็กมาก่อน รู้ปัญหาของการทำธุรกิจขนาดเล็กยังขาดคู่มือหรือแนวทางการทำงานมีน้อย จึงหาหนังสือหรือคู่มือสำหรับที่จะค้นคว้าหรือศึกษาเป็นเครื่องมือช่วยในการเริ่มต้นทำงาน เป็นจุดเริ่มทำหนังสือแนวนี้ อ่านงบการเงินให้เป็น หนังสือการ์ตูนชุดของนักเขียนอินเดีย ฮาวทูธุรกิจเล่มแรก เน้นอ่านง่าย เนื้อหาสั้น กระชับ ไม่ซับซ้อน จากนั้นขยายไปหมวดอื่น กลยุทธ์การตลาด ,มาร์เก็ตติง เวลแฟร์ หลังจากหนังสือแนวนี้ออกมามีคนสนใจทำหนังสือแนวนี้ออกมามากขึ้นและเริ่มมีหนังสือแนวธุรกิจมากขึ้น"

สริดา บรรณาธิการจัดการฝ่ายผลิตซีเอ็ดฯยอมรับว่า สมัยก่อนตลาดมีส่วนหนึ่งแต่ไม่มาก ปัจจุบันตลาดฮาวทูเรียกได้ว่าดีถึงดีมาก เนื่องจากผู้อ่านปัจจุบันต้องการหนังสือที่ค่อนข้างตรง กระชับ ทำให้หนังสือแนวนี้เข้ามาง่ายขึ้น โดยเฉพาะช่วง 3-4 ปีที่ผ่านมา คนเริ่มขวนขวายหาแนวทางพัฒนาตนเอง ความเปลี่ยนแปลงของตลาดกลุ่มนี้เห็นได้ชัดเจนว่ามีความต้องการมากขึ้น

"หนังสือชุด พ่อรวยสอนลูก สร้างแนวคิดเกี่ยวกับเรื่องการจัดการ การบริหารการเงินของตนเอง พิมพ์ครั้งแรกเมื่อปี 2544 และพิมพ์ต่อเนื่องถึงปัจจุบันมียอดพิมพ์มากกว่า 200,000 เล่ม เป็นอีกเล่มที่จุดกระแสให้คนสนใจหนังสือฮาวทู มากขึ้น เป็นกระแสที่ค่อนข้างแรงมากที่เดียว เกิดหนังสือที่มีเนื้อหาสอนลูกให้รวยตามมาอีกเยอะมาก ขณะนี้มีจำนวนถึง 11 ชื่อเรื่อง และทุกชื่อเรื่องจัดอยู่ในระดับที่เรียกว่า ขายดี"

ความรัก ฮาวทู

ปลายปี 2547 ฮาวทู จิตวิทยาความสัมพันธ์ ความรัก แนะกลเม็ด เทคนิควิธีการบริหารเสน่ห์ดึงดูดเพศตรงข้าม เริ่มปรากฏตามแผงหนังสือบ้างประปราย วันนี้หากเฉียดกายไปยังร้านหนังสือชั้นนำและทั่วไป สังเกตได้ว่าปริมาณฮาวทู หมวดนี้เริ่มอวดโฉมเบียดพื้นที่หนังสือหมวดอื่นมากขึ้น ทั้งนี้เกือบทั้งหมดเป็นหนังสือแปลทั้งสิ้น อาทิ จับผู้ชายให้อยู่หมัด ยุทธวิธีหาสามีด้วยหลักธุรกิจฮาร์วาร์ด ,สูตรสำเร็จสาวพราวเสน่ห์ คู่มือสาวสมัยใหม่ แนะเคล็ดลับเป็นสาวพราวเสน่ห์ ของสำนักพิมพ์เนชั่น ,คู่มือพิชิตใจหนุ่ม ของสำนักพิมพ์ girl friend เป็นต้น

สำนักพิมพ์ใยไหม เป็นอีกสำนักพิมพ์ที่ส่งฮาวทู หมวดความรักออกมาเจาะตลาดวัยรุ่น อาทิ แยบยลจนผู้ชาย เคล็ดลับทำให้คนที่คุณเลือกรักเป็นฝ่ายหันมารักคุณอย่างแยบยล ,รักผู้ชายต้องรักให้เป็น กลเม็ดเคล็ดลับเด็ดใจชายคนรักอย่างชาญฉลาด แล้วคุณจะไม่พลาดในเกมรัก ของ ณัชชา

สกุลณา สาวารส บรรณาธิการสำนักพิมพ์ใยไหม กล่าวว่า ตลาดฮาวทูความรักกินพื้นที่เกินครึ่งของฮาวทู ธุรกิจ พัฒนาบุคลิกภาพ ซึ่งมีกลุ่มเป้าหมายคนอ่านอีกกลุ่ม ขึ้นอยู่ที่ความสนใจของคน แต่ละคนมีปัญหาไม่เหมือนกัน เป็นทางออกของฮาวทูแต่ละประเภท ฮาวทู ความรักน่าจะมาจากแมกกาซีนแปลหัวนอก ประกอบกับความรักถือเป็นครึ่งหนึ่งของเรื่องใหญ่ๆในชีวิต ปัญหาความรักมีเยอะ เป็นปัญหาที่มีอยู่ตลอดไม่ว่ารุ่นไหน แต่ฮาวทูความรักเด็กวัยรุ่นนิยมอ่านกันมากเนื่องจากเรื่องความรักถือเป็นเรื่องใหญ่ของวัยนี้

สกุลณากล่าวต่อไปว่าสำนักพิมพ์ใยไหมผลิตฮาวทูควบคู่กับกลอนมานานแล้ว หากแต่รูปเล่มจะอยู่ในรูปแบบจิตวิทยาวัยรุ่นเล่มเล็กๆ ขายให้เด็กอายุไม่เกิน 18 ปี และจากความสำเร็จของฮาวทูเล่มเล็กการันตีว่าฮาวทูขายได้ตลอด คนอ่านได้เรื่อยๆ จึงหันมาทำเล่มใหญ่ พร้อมกับขยายกลุ่มเป้าหมายจากเดิม

"แต่ก่อนไม่มีฮาวทูความรักรวมเล่ม เพราะคิดว่าเก็บไว้นานจะเชย และจะมีคนอ่านหรือไม่ แต่ถ้าเป็นแมกกาซีนจะเห็นว่าอยู่มานานแล้ว เปลี่ยนในเรื่องของการจับประเด็นตามกระแสโลก ความสวยงาม เสื้อผ้า การแต่งตัวตามยุค ใยไหมเองแต่ก่อนเป็นรูปแบบจิตวิทยาประยุกต์ แนะนำปัญหาวิธีแก้ไขแตกรายละเอียดเป็นเล่มเล็กๆให้เด็กอ่าน พอเปลี่ยนรูปแบบการนำเสนอใหม่ในแบบความเป็นสาว เฟี้ยวฟ้าว ได้กลุ่มมหาวิทยาลัยเพิ่ม"

สกุลณาบรรยายลักษณะการนำเสนอฮาวทูในแบบของใยไหมต่อไปว่า "ฮาวทูของเราไม่ได้บอกให้ทำแบบนั้น แบบนี้ อ้างอิงสถิติ น่าเชื่อถือแต่หมดแรงที่จะลุ้นเหมือนหนังสือแปลอื่นๆ แต่จะเป็นฮาวทูกึ่งบทความ มีความเป็นบทความเยอะ อ่านแล้วไม่เหมือนกำลังถูกสอน ลักษณะการคุยกับเพื่อนหญิง อ้างอิงความรู้ที่ลองใช้แล้วนำมาบอกเพื่อนสาว กระตุ้นให้ลองนำไปใช้"

ฮาวทูในบริบทไทยไทย

โดยมาก หนังสือในหมวดฮาวทู มักเป็นหนังสือแปลจากต่างประเทศ เพราะแหล่งข้อมูลสามารถสืบค้นง่าย หากมองแล้วว่าเล่มไหนมีแนวโน้มดีสามารถนำมาจัดพิมพ์ได้ทันที ขณะที่หนังสือเขียนต้องอาศัยประสบการณ์ของผู้เขียน ประกอบกับใช้เวลาในการเขียนมากกว่าหนังสือแปล สัดส่วนที่ออกมาจึงมีหนังสือแปลมากกว่า

สำหรับคำถามที่ว่า ฮาวทูแปลจะสอดคล้องกับบริบททางสังคมหรือไม่นั้น สริดามองว่า หนังสือบางเรื่องให้ข้อคิด บางเล่มต้องประยุกต์ใช้ โดยเฉพาะหนังสือแปล นำมาทำค่อนข้างระวังในส่วนของเนื้อหา บางครั้งเนื้อหาเป็นฝรั่งมากเอามาใช้เต็มรูปแบบไม่ได้ แต่สามารถเป็นแบบให้สังคมไปประยุกต์ปรับใช้ได้

สมพงษ์ กล่าวว่า "ปฏิเสธไม่ได้ว่าความรู้ยืมๆกันมา ความรู้ไม่มีความรู้ปฐมภูมิดั้งเดิม ความรู้ยืมกันมา เพียงแต่คนที่สามารถรับรู้ เข้าใจนำไปประยุกต์ใช้ คนนั้นจะได้อัตถประโยชน์มาก วิธีการคิดบางอย่างในฮาว ทู ก็เช่นกันวันนี้อาจจะยังไม่ได้คิดอะไร ค่อยๆซึมซับ และเมื่อเกิดไปเจอเหตุการณ์จริงอาจจะหยิบสิ่งที่รับรู้มาประยุกต์ใช้ แนวโน้มผู้อ่านไขว่คว้าสนใจที่จะเรียนรู้ศาสตร์ใหม่ๆ บางครั้งอาจไม่ได้นำไปใช้โดยตรง นำความรู้นั้นไปต่อยอดหรือใช้ในส่วนอื่นก็ได้ ผู้อ่านมักคำนึงว่ารู้ไว้ดีกว่า"

สำหรับ ฮาวทูความรักเขียนโดยนักเขียนไทยของสำนักพิมพ์ใยไหม สกุลณามองว่าการเขียนฮาวทูในแต่ละพื้นที่มาจากคนที่อยู่ในนั้น ถ้าพูดถึงความอินเทรนด์ เฟี้ยวฟ้าว ต่างประเทศนำเรา แต่ถ้าพูดถึงความเหมาะสม ฮาวทูต่างประเทศเหมาะสมกับไลฟ์สไตล์ผู้หญิงไทยหรือไม่ อย่างไร ฮาวทูไทยซึ่งมีไลฟ์สไตล์ความเป็นไทยค่อนข้างมาก จับต้องได้ คนไทยย่อมเขียนให้คนไทยได้เข้าถึงและสามารถนำไปใช้ได้ดีกว่าฮาวทูแปลซึ่งสิ่งที่แนะนำขัดกับวัฒนธรรม ช่องทางแก้ปัญหาคนละแบบ

"คนอ่านฮาวทูความรักมีหลายแบบ ฮาวทูแปลความรักออกฝรั่งจ๋านำเอามาใช้ชีวิตจริงไม่ได้ อ่านไว้ไม่เสียหาย รู้ไว้ไม่ได้ใช้ไม่เป็นไร แค่อ่านเอามัน อ่านเก็บไว้เพื่อรอวันเติบโต รอจังหวะของชีวิตที่อาจจะได้หยิบมาใช้สักครั้งหนึ่ง ไม่ใช่อ่านเพื่อใช้วันนี้ เมื่อถึงจังหวะหนึ่งของชีวิตอาจเจอแบบนี้ ฮาวทูความรัก เด็กชอบอ่าน เพราะเป็นช่วงที่ชีวิตไม่ได้ทำอะไร คนทำงานอ่านไม่รู้จะอ่านไปทำไม เพราะไม่รู้ว่าช่วงไหนของชีวิตต้องใช้ นอกจากสนใจเรื่องนั้นเป็นพิเศษ"

ส่วน ณัชชา รัตนพงศ์ตระกูล นักเขียนแนวฮาวทูความรัก มองฮาวทูว่า "ฮาวทูไม่ได้ทำให้คิดไม่เป็น แต่ทำให้คิดมากขึ้น มุมที่คิดไม่ถึงจะแทรกเข้ามา ไม่ต้องคิดชักช้ามีข้อมูลเลย ชอบอ่านฮาวทูความรัก เจอกระโดดเข้าหา ถึงจะอ่านแล้วหาช่วงใช้ไม่ได้ ถือว่าอ่านเอามัน แฟนหนังสือ ชั้น ม.ต้นเล่าให้ฟังว่าอ่านแต่รอจังหวะใช้ ถามว่าใช้ได้ผลหรือไม่ เราก็ตอบว่าต้องนำไปปรับปรุงใช้ เลือกฮาวทูเริ่มจากดูปัญหาตัวเองก่อน ตอนนี้ปัญหาอะไรหนักสุด ไปอ่านความรักใช้แผนวิธีต่างๆมากมาย บุคลิกยังไม่ผ่าน ช่วยไม่ได้ ต้องเริ่มจากพัฒนาบุคลิกให้ดูดี ปรับปรุงการใช้ชีวิตไลฟ์สไตล์ในสังคมให้ดีขึ้น แล้วค่อยไปอ่านฮาวทูความรัก น่าจะได้ผลกว่า ไปอ่านความรักก่อนรู้เทคนิค ถึงเวลาเอาไปใช้ ทำไมไม่ได้ผล เพราะยังไม่ใช่ผู้หญิงที่เพอร์เฟกต์"

แนวโน้มตลาดฮาวทู

สริดา บรรณาธิการจัดการฝ่ายผลิต ซีเอ็ด บุ๊คส์ มองแนวโน้มหนังสือฮาวทู ทิ้งท้ายว่า "ตราบใดที่คนยังมีการพัฒนาตนเอง มีการค้นคว้าขวนขวายหาความรู้ตลอดเวลา และหนังสือเป็นคู่มือหรือเครื่องมือที่เขาจะสามารถค้นหาได้ง่ายและได้เร็วที่สุด หนังสือแนวนี้จะไม่มีวันอิ่มตัวแต่ต้องอยู่ภายใต้เงื่อนไขที่ว่าเป็นหนังสือที่ดี มีความเป็นไปได้ทั้งในแง่การประยุกต์ใช้ เป็นประโยชน์สูงสุดกับคนอ่าน สื่อเนื้อหาที่ชัดเจน อ่านได้ง่ายและตรงกับความต้องการ"

"คนเรายังมีความต้องการสิ่งที่เป็นคู่มือ หรือเครื่องมือที่สามารถนำมาปรับ ประยุกต์ใช้และพัฒนาตนเอง เพื่อการทำงานให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุดและจำเป็นที่จะมีสิ่งที่เป็นเครื่องมือหรือคู่มือมาเป็นแนวทาง หรือคำแนะนำเบื้องต้นว่าควรจะทำอย่างไรและเพื่อที่จะสามารถนำไปประยุกต์ใช้ได้ ไปได้เรื่อยๆตลอด ไม่สูง แต่ลดน้อยลง ตลาดกลุ่มนี้ไม่มีวันอิ่มตัว ตราบที่คนยังมีความต้องการเรียนรู้ ย่อมขวนขวายหาหนังสือมาพัฒนาตนเอง"






กำลังโหลดความคิดเห็น