xs
xsm
sm
md
lg

5 ร้านโดนใจ Ice Cream Lover

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


เปลวแดดของเดือนเมษายน เดือนที่ร้อนที่สุดของเมืองไทยคงทำให้หลาย ๆ คนบ่นและหงุดหงิดกับความร้อนที่นับวันจะเพิ่มดีกรีแผดเผามากขึ้น ลองหลบแดดแวะไปหาความหวานเย็นของไอศกรีมเพื่อดับร้อนกันดีกว่า ไอศกรีมเป็นขนมหวานเมนูขึ้นหิ้งที่ไม่ว่าจะเป็นเด็กจนถึงคนแก่ก็ชอบกินกันกว่าค่อนโลก ขนาดบางคนหลงใหลจนได้ชื่อว่าเป็น Ice cream lover กันเลย

จากการสอบถาม ice cream lover จำนวนมากถึงร้านไอศกรีมโฮมเมดของไทยที่โดนใจใช่เลยนั้น พอจะรวบรวมกันมาได้ 5 ร้านที่เรียกได้ว่าใครเดินผ่านหน้าร้านแล้วไม่แวะลิ้มลองสักถ้วยละก็ คุณต้องไปตรวจหัวใจว่าทำไมมันแข็งนัก!!


ย้อนยุค "ไอติม"

คนไทยในสมัยก่อนเรียกไอศกรีมว่า "ไอติม" เส้นทางของไอติม หวาน ๆ เย็น ๆ นี้เข้ามาเมืองไทยในสมัยรัชกาลที่ 5 หลังจากที่เสด็จนิวัตจากประเทศอินเดีย ชวาและสิงคโปร์ ทรงนำน้ำแข็งและไอศกรีมจากสิงคโปร์เข้ามาเมืองไทย ความที่เป็นของแปลกใหม่ในสังคมยุคนั้นจึงกลายเป็นของหวานที่นิยมกันมากสำหรับ "เจ้านาย" สูตรไอติมในยุคนั้นจะใช้น้ำมะพร้าวอ่อน ใส่เม็ดมะขามคั่วเท่านี้ก็อร่อยโดยไม่ต้องพึ่งนมเนยเหมือนของฝรั่งแล้ว

จนเมื่อมีคนไทยสามารถตั้งโรงทำน้ำแข็งเองได้ ไอติมจึงเริ่มแพร่หลายออกสู่ระดับชาวบ้าน เป็นรูปแบบของไอติมแท่งที่เติมสีสันเข้าไปในหลอดแล้วปั่นด้วยน้ำแข็งผสมเกลือจนน้ำสีกลายเป็นไอติมแท่งที่หากไปถามคนรุ่นอายุ 50 กว่าปีจะรู้จักกันดี เพราะในยุคนั้นกลายเป็นขนมหวานยอดฮิตของเด็ก ๆ บางคนเรียก "หวานเย็น" เป็นไอติมแท่งเสียบด้วยไม้ไผ่ที่ตัดเป็นเส้นยาวประมาณ 6 - 8 นิ้วกว่าเหลือปลายด้านหนึ่งโผล่ขึ้นมาเพื่อเอาไว้จับ ส่วนปลายด้านที่ฝังอยู่ในเนื้อไอติมนั้นจะมีเกมตื่นเต้นให้ลุ้นกัน เพราะถ้าใครกินไอติมแล้วเจอปลายเป็นไม้แดงก็นำไปแลกไอติมได้ฟรี 1 แท่ง คนขายจะนำไอติมหลากสีสันมาเรียงใส่กระติกน้ำแข็งทรงสูงมีฝาเปิดด้านบน แล้วใช้ตะกร้าหวายสวมกระติกอีกชั้นหนึ่งไว้สำหรับสะพายคล้องไหล่ อาชีพขายไอติมแท่งนั้นมักนิยมใช้เด็กนักเรียนที่มาขายหลังเลิกเรียนจนกลายเป็นภาพคุ้นตา

ด้วยรสชาติอันอร่อยถูกปากคนกินไอศกรีมจึงกลายเป็นของหวานที่กินกันทั้งเด็กจนถึงผู้ใหญ่ ไอศกรีมเดินทางข้ามยุคสมัยไปด้วยรูปแบบที่ถูกพัฒนารสชาติกันมาเรื่อย ๆ จนกลายมาเป็นไอศกรีมตักรสกะทิหอมหวาน บางเจ้าก็เป็นกะทิทรงเครื่องที่ใส่ลอดช่อง ขนุน ข้าวโพด เผือกปนอยู่ในเนื้อไอศกรีม ตักใส่ในถ้วยกรอบทรงกรวยหรือขนมปังผ่ากลาง ไอศกรีมตักนิยมโรยหรือท็อปปิ้งด้วยถั่วลิสงคั่ว ไปจนถึงใส่เครื่องด้วยลูกชิด ข้าวเหนียว มันเชื่อม เป็นต้น เมื่อก่อนนี้จะมีร้านดัง ๆ ขายไอศกรีมกะทิในย่านสะพานหัน เยาวราช ที่จะมีขาประจำมายืนเรียงแถวกินตอนหน้าร้อน ๆ

ไอศกรีมสูตรคนไทยรายแรกที่ยี่ห้อติดปากจนเป็นที่รู้จักกันทั่วบ้านทั่วเมืองคือไอศกรีมป๊อป "ตราเป็ด" ซึ่งผลิตกันเป็นรูปแบบอุตสาหกรรมครั้งละจำนวนมากๆ โดยสั่งซื้อเครื่องมือมาจากเมืองนอกเพื่อทำเป็นไอศกรีมหวานเย็น จากนั้นจึงมีการพัฒนาสูตรใส่นมเหมือนเมืองนอก
ส่วนร้านขายไอศกรีมที่บุกเบิกตลาดในยุคเมื่อกว่า 30 ปีที่ผ่านมาคือ "ศาลาโฟร์โมสต์" เป็นร้านขายไอศกรีมที่ขยายสาขาไปตามแหล่งชุมชน ในยุคนั้นบรรดาวัยรุ่นคนไหนที่มีโอกาสเข้าไปนั่งกินไอศกรีมที่ร้านนี้ถือว่าโก้สุด ๆ จนกลายเป็นแหล่งนัดพบสุดฮิตของวัยรุ่นยุคนั้นทีเดียว

ไอศกรีม"โฮมเมด"ของเมืองไทย

เมื่อคนไทยคลั่งไคล้ไอศกรีมกันมากขึ้น ตลาดไอศกรีมก็เติบโตอย่างไม่หยุดยั้งมี แบรนด์ดัง ๆ จากเมืองนอกพาเหรดกันเข้ามาทั้งระดับพรีเมียม(premium)อย่าง BASKIN ROBBIN, DAIRY QUEEN, HAAGEN DAZS เป็นต้น ส่วนไอศกรีมระดับชาวบ้านก็กลายเป็นตลาดใหญ่ที่พวกฝรั่งดาหน้ากันเข้ามาเอาใจ ice cream lover ชาวไทยกันมากมาย อาทิ โฟร์โมสต์ , วอลล์ , เป็นต้น โดยเฉพาะระดับแมส(mass)ที่แห่กันมายึดพื้นที่จนกลายเป็นการแข่งขันที่ดุเดือดและกลายเป็นสีสันของหน้าร้อนไปด้วย

ส่วนไอศกรีมประเภทโฮมเมดซึ่งหมายถึงไอศกรีมที่ทำกันกินในครัวเรือนนั้น ถ้าจะนับบรรดาไอศกรีมกะทิสดร้านดัง ๆ ก็ถือว่าเป็นรุ่นบุกเบิกไอศกรีมโฮมเมดแบบไทย ๆ ได้เหมือนกัน เพราะแต่ละเจ้าก็จะคิดค้นสูตรเด็ดของตัวเองและทำกันวันละ 1 - 2 ถังเท่านั้น ขายหมดแล้วหมดเลย ใครมากินไม่ทันก็ต้องแวะมากินใหม่ในวันรุ่งขึ้นเพราะไม่มีขายกันที่อื่นอีกแล้ว

แต่ก็มี ice cream lover อีกหลายคนที่ชื่นชอบรสชาติแบบฝรั่งที่เน้นความหวานครีมมันเข้มข้นและมีรสชาติหลากหลายให้เลือกอร่อยกันทั้งช็อกโกแลต วานิลลา สตรอเบอรี เป็นต้น ซึ่งที่ผ่านมาไอศกรีมโฮมเมดระดับพรีเมียมแบบนี้ในเมืองไทยหาลิ้มลองได้ยากมากมีเพียงไม่กี่แห่งเท่านั้นโดยมากมักจะซ่อนอยู่ตามร้านอาหารฝรั่งและโรงแรมหรู ๆ และจะรู้กันในหมู่คนที่หลงใหลไอศกรีมเท่านั้นที่จะแวะเวียนกันไปชิมยามที่ต้องการความสุขทางอรรถรสของไอศกรีม

มาถึงยุคนี้ ice cream lover เพิ่มจำนวนมากขึ้นเรื่อย ๆ ตลาดไอศกรีมทั้งระดับพรีเมียมและระดับแมสต่างเติบโตกันถ้วนหน้า แต่สำหรับคนรักไอศกรีมแล้วแน่นอนว่าหยุดนิ่งกันไม่ได้ เพราะการแสวงหาความแปลกใหม่ในรสชาติเป็นเรื่องท้าทายที่ไม่มีที่สิ้นสุด ดังนั้นจึงเริ่มมีคนรุ่นใหม่ ๆ กระโจนเข้ามาเปิดร้านไอศกรีมสไตล์โฮมเมดกันหนาตาขึ้นเพื่อเอาใจคนรักไอศกรีมนั่นเอง การคิดค้นสูตรแปลกใหม่ในรสชาติและรูปแบบของร้านที่รังสรรค์ได้เหมือนร้านไอศกรีมของเมืองนอก จนเริ่มกลายเป็นสงครามเล็ก ๆ ของตลาดไอศกรีมโฮมเมดในบ้านเรา

จากการสอบถาม ice cream lover จำนวนมากถึงร้านไอศกรีมโฮมเมดที่โดนใจใช่เลยนั้น พอจะรวบรวมกันมาได้ 5 ร้านที่เรียกได้ว่าใครเดินผ่านหน้าร้านแล้วไม่แวะลิ้มลองสักถ้วยละก็ คุณต้องไปตรวจหัวใจว่าทำไมมันแข็งนัก!!

"ไอซ์ เมจิก" โดนเวทมนตร์เข้าแล้ว

"ไอซ์ เมจิก" ร้านนี้ต้องยกให้เป็นร้านไอศกรีมประเภทโฮมเมดรุ่นบุกเบิกกันเลย เพราะเปิดขายมาตั้ง 10 กว่าปีแล้ว ยึดทำเลซอยหลังสวน 7 แหล่งกินระดับคลาสสิกของคนเมืองกรุงที่ปราบเซียนที่อยากลองของมานักต่อนักแล้ว เรียกว่าร้านไหนไม่เจ๋งจริงก็จอดป้ายย้ายไปได้เลย

ซอยหลังสวนมีร้านอาหารหน้าใหม่เข้ามาอยู่เรื่อย ๆ แต่ระยะเวลา 10 ปีของไอซ์ เมจิกที่ปักหลักอยู่ที่แห่งนี้คงเป็นใบประกาศนียบัตรถึงรสชาติของไอศกรีมได้ว่ามีแฟนประจำเหนียวแน่นเพียงใด

ความสำเร็จของร้านไอซ์ เมจิกนั้นน่าจะกลายเป็นแม่แบบที่ทำให้ "นักลงทุนหน้าใหม่" กล้าที่จะเข้ามาเปิดร้านแบบนี้กันดูบ้าง

สีแดงสดใสกลายเป็นแม่สีร้อนแรงของร้านที่ดึงดูดลูกค้าที่ผ่านไปผ่านมาให้แวะเวียนเข้ามาหาไอศกรีมถ้วยเพื่อดับไอร้อนของเดือนเมษายนได้อย่างดี ไอศกรีมของร้านนี้เป็นโฮมเมดที่คิดค้นสูตรเองและปั่นเองมีรสชาติทั้งมาตรฐานและแปลกใหม่ให้ลูกค้าได้เลือกชิมกันวันละ 30 รส และที่น่าตื่นเต้นคงเป็นไอศกรีมแบบ "สั่งได้" ที่ออกแบบตกแต่งทั้งท็อปปิ้งกันได้อย่างเร้าใจนักชิมไอศกรีม

เมนูยอดนิยมที่ลูกค้าชอบสั่งนั้นอาทิ "ทรอปิคัลไอส์แลนด์" เป็นเยลลี่ผลไม้รสเปรี้ยว 3 รส ตั้งแต่ ส้ม มะนาว และสตรอเบอรี่ ไล่ตั้งแต่ก้อนถ้วยไปจนถึงปากถ้วยก่อนจบด้วยไอศครีมวานิลาลูกโต ที่มีเชอร์รี่ฉ่ำ ๆ เป็นท็อปปิ้ง ราคาถ้วยละ 75 บาทเท่านั้น

Tuscanini อเมริกันสไตล์รายแรก

Tuscanini เป็นอเมริกันสไตล์โฮมเมดไอศกรีมเจ้าแรกของเมืองไทย และต้องยกเครดิตให้เป็นร้านไอศกรีมบุกเบิกของซอยทองหล่อที่เปิดร้านเอาใจ ice cream lover กันมากว่า 5 ปีแล้ว เหตุผลของการเปิดร้านนี้เริ่มจากเพื่อนนักเรียนกลุ่มหนึ่งที่เรียนจบกันมาแล้วมองหาธุรกิจที่ไม่ต้องลงทุนเยอะแต่สามารถใช้เป็นเหตุผลที่ทำให้เพื่อน ๆ มารวมตัวกันได้ บังเอิญหนึ่งในกลุ่มนั้นเคยไปเรียนทำไอศกรีมจากชาวอิตาเลียนในบอสตัน จึงตัดสินใจว่าเปิดร้านขายไอศกรีมกันดีกว่า

ทดลองและปรับสูตรให้เข้ากับลิ้นคนไทยอยู่ถึง 6 เดือน จากสูตรแรกคือไอศกรีมนมจนกลายมาเป็นไอศกรีมรสมาตรฐานอีก 30 รสที่พร้อมเปิดให้นักเปิบไอศกรีมได้ลิ้มลองกันเมื่อ 5 ปีก่อน จนกลายมาเป็น 200 รสชาติในปัจจุบัน

แต่ถ้าถามนักเปิบไอศกรีมขาประจำที่เข้ามากินเมื่อแรกเปิดร้านนั้น ไอศกรีมไวท์ช็อกอัลมอนด์ยังติดลิ้นติดปากคนกินกันอยู่ ขายดีมากขนาดที่ทุกคนเข้ามาในร้านจะต้องสั่งเมนูนี้มาลิ้มลองกัน

ทุก ๆ วันจะมีไอศกรีมกว่า 30 รสชาติให้ลูกค้าได้เลือกอร่อยกันแล้ว และทุกเดือนยังจะมีไอศกรีมรสชาติใหม่ ๆ มาให้ลูกค้าหรรษากันอีก อย่างรสชาติล่าสุดคือ chenky banana หรือไอศกรีมกล้วยหอมใส่กล้วยอบน้ำผึ้งที่ออกมารับหน้าร้อน และทีรามิสุไอศกรีมขนมหวานยอดฮิตของคนอิตาเลียนที่ถูกดัดแปลงมาเป็นไอศกรีมรูปลักษณ์ใหม่ที่ผสานรสชาติทั้งกาแฟ มอคคาและบรั่นดีได้อย่าลงตัว

Ice cream lover ขาประจำของร้านนี้มีตั้งแต่เด็ก 4 ขวบไปจนถึงรุ่น 60 ปีที่ยังโหยหาขนมหวานเย็นแบบนี้อยู่ รวมถึงลูกค้าข้างนอกที่มาขอให้ทำส่งตามโรงแรมหรือตามงานจัดเลี้ยง

และใครที่อยากจะทดสอบไอศกรีมครีมมี่ของร้านนี้เดี๋ยวนี้ไม่ต้องเดินทางกันมาถึงซอยทองหล่อแล้ว เพราะเขาขยายสาขาไปเปิดที่ร้านTop รวมถึงจับมือคิดสูตรไอศกรีมรสชาติกาแฟแปลก ๆ ให้กับร้าน Ninety Four by Tuscanini แล้ว หรือใครสนใจอยากจะลองเปิดร้านขายไอศกรีมโฮมเมดกันบ้างก็สามารถปรึกษาคุณพีท - อารีวรรณ เจ้าของร้านอัธยาศัยดีได้ไม่คิดค่าปรึกษา( 0- 2391-3164 )

Buono มหัศจรรย์แห่งรสชาติ

สีม่วงสดใสของไอศกรีม Buono เริ่มกลายเป็นที่คุ้นเคยคุ้นตาของบรรดาice cream lover กันแล้ว ไอศกรีมร้านนี้เรียกตัวเองว่าเป็น "เจลาโต" ซึ่งแปลว่าไอศกรีมในภาษาอิตาลี เพราะถือกำเนิดมาจากอิตาเลียนสไตล์ซึ่งได้ชื่อว่าเป็นต้นตำรับของไอศกรีมปั่น

คุณแดงและคุณตุ้ย สองสามีภรรยาเจ้าของร้านBuonoนั้นเป็นice cream lover ตัวยง บอกว่ากว่าจะได้สูตรนี้มาต้องบากบั่นไปเรียนกันถึงเมืองเบรูโนที่เป็นแหล่งผลิตไอศกรีมชื่อดังที่ได้รับสมญานามว่า " Ice Cream Valley " ส่วนผู้ที่สอนนั้นเป็นเพื่อนชาวอิตาเลียนที่ถ่ายทอดสูตรนี้มา 3 รุ่นแล้ว

จากนั้นจึงนำมาปรับรสชาติให้เข้ากับลิ้นคนไทยที่ไม่ชอบความหวานมันเท่ากับฝรั่ง แต่ยังคงความเป็นไอศกรีมอิตาเลียนสไตล์ที่เนื้อเบาเนียนนุ่มมีไขมันต่ำเพียง 4 - 8 %

จุดเด่นของร้านBuono นี้คือขยันออกรสชาติใหม่ที่หากินที่ไหนไม่ได้อีกแล้ว รับรองว่าบรรดา ice cream lover คนไหนที่ชอบลองของแปลกใหม่จะไม่ผิดหวัง เพราะร้านนี้เพิ่งจะถือกำเนิดมาได้ 2 ปี แต่มีไอศกรีมออกมาแล้ว 200 รส หรือเฉลี่ยเดือนละ 8.3 รสชาติทีเดียว ซึ่งจะมีทั้งรสมาตรฐาน ไอศกรีมผสมแอลกอฮอล์ ไอศกรีมโยเกิร์ต โดยเฉพาะไอศกรีมผสมผลไม้แบบไทย ๆ

รสชาติล่าสุดสำหรับหน้าร้อนนี้คือDurian Cocco หรือไอศกรีมข้าวเหนียวทุเรียน รสหอมหวานกลิ่นคลาสสิกตบท้ายด้วยพีชสไลด์รสเปรี้ยว Mango wild rice ไอศกรีมข้าวเหนียวมะม่วง ที่ใช้ "ข้าวป่า" Organic wila rice ผลผลิตของชาวนาจังหวัดสุรินทร์

Hay ไอศกรีมไฮโซ

ยามเย็นแดดร่มลมตก ใต้ต้นไม้ใหญ่หน้าร้านHay ซึ่งอยู่ที่H1 สุดซอยทองหล่อจะเนืองแน่นไปด้วยบรรดาice cream lover ที่มาสรรหาความสุขกับไอศกรีมที่ร้านนี้ หรือบรรดาขาเที่ยวที่แวะมากินดื่มที่ H1 จะต้องมาล้างปากด้วย "มิกซ์เบอร์รี่ กรานิต้า"จากร้านHay ซึ่งออกรสเปรี้ยว เพื่อเรียกความสดชื่นกลับคืนมา

ร้านHay เปิดบริการมาได้เพียง 1 ปีเท่านั้น แต่เจ้าของร้านพัชรินทร์ จันทรประเสริฐ สาวไฮโซก็ตั้งอกตั้งใจค้นคว้าและปรับปรุงไอศกรีมโฮมเมดสไตล์อิตาเลียนนี้ให้มีรสชาติถูกปากลูกค้าอยู่ตลอดเวลา จนปัจจุบันเธอคิดค้นขึ้นมาได้กว่า 50 รสชาติแล้ว

" อยากให้คนได้กินของดี เราจึงตั้งใจเหมือนทำไอศกรีมกินกันเองในครอบครัว " จากแนวคิดนี้พัชรินทร์จึงเน้นวัตถุดิบที่นำมาปรุงไอศกรีมจะต้องเลือกสรรแต่ของดี ๆ อย่างไอศกรีมผลไม้ก็ต้องมีเนื้อผลไม้สด ๆ ปนกับเนื้อไอศกรีม อย่างรสล่าสุดคือชอกโกแลตบานานา จะใช้กล้วยหอมที่ปล่อยให้สุกงอมมาเคี่ยวกับชอกโกแลตซึ่ง2 กลิ่น 2 รสนี้จะเข้ากันดีเหลือหลาย หรืออย่างคริสปี้แคนตาลูป ที่นำผลแคนตาลูปสุกมาขุดเนื้อแล้วทำเป็นซอร์เบท์ใส่กลับเข้าไปในลูกแคนตาลูป เวลาเสิร์ฟก็หั่นเป็นชิ้นรสชาติหอมหวานถูกใจคนชอบผลไม้

Iberry ไอศกรีมชุ่มฉ่ำผลไม้

ถ้าให้นึกถึงร้านIberry จะนึกถึงอะไรเป็นอันดับแรก บรรดาขาไอศกรีมเจ้าประจำของร้านนี้จะตอบตรงกันว่าความเปรี้ยวฉ่ำของผลไม้ประเภทเบอรี่

Iberryมีอายุอานามได้ 5 ปี ถือเป็นร้านไอศกรีมประเภทโฮมเมดยุคกลาง ๆ ที่เจ้าของร้านคืออัจฉรา บุรารักษ์บอกว่าที่ตัดสินใจเปิดร้านนี้ขึ้นมาเพราะหาร้านไอศกรีมโฮมเมดอร่อย ๆ ในเมืองไทยไม่ค่อยจะได้เลยทำขายเสียเลย และความที่เมืองไทยมีผลไม้สดเป็นจำนวนมากไอศกรีมของร้านนี้จึงเทใจให้กับไอศกรีมผลไม้มากหน่อย เช่น กระท้อน มะยม มะดัน เป็นต้น จนกลายมาเป็นซิกเนเจอร์ของร้านไป

ไอศกรีมของร้านนี้จะตักขายเป็น scoope ในถ้วยกระดาษสีเหลือง ไม่นิยมแต่งหน้าไอศกรีมเพราะจะทำให้รสชาติเปลี่ยนไป

เป็นอย่างไรบ้างกับ 5 ร้านไอศกรีมโฮมเมดของคนไทยที่นำเสนอไปข้างต้น แม้เมืองไทยจะไม่ใช่ต้นตำรับไอศกรีม แต่บรรดาไอศกรีมที่ใช้ผลไม้ไทยเป็นส่วนประกอบก็ถูกปากคุ้นลิ้นกับคนไทยช่วยดับไอร้อนของเดือนเมษาฯได้บ้างเหมือนกัน

******

รสไอศกรีมบ่งบอกถึงความเป็นคุณ

การเลือกรับประทานไอศกรีมรสชาติใดเป็นสิ่งสะท้อนให้เห็นถึงบุคลิกลักษณะและนิสัยของคนคนนั้นได้เป็นอย่างดี เนื่องจากได้มีการทำการศึกษาวิจัยกันมาอย่างเป็นระบบ จนกระทั่งสามารถสรุปได้ในระดับหนึ่งว่า รสชาติของไอศกรีมสามารถที่จะบ่งชี้ได้ว่าคนที่เลือกมีนิสัยเป็นอย่างไร

รสวานิลลา : เป็นคนที่ร่าเริง ชอบใช้ชีวิตแบบเรียบง่าย มีความรักในศักดิ์ศรีของตนเป็นที่รักของคนทั่วไป

รสกาแฟ : เป็นคนที่ชอบการทำงานที่ต้องอาศัยความรับผิดชอบมาก มีความเชื่อมั่นในตนเองสูง มีลักษณะเป็นผู้นำ เมื่อตั้งใจจะทำอะไรแล้วก็ต้องทำให้สมบูรณ์กว่าผู้อื่น และเป็นคนที่ชอบการแข่งขัน

รสสตรอเบอรี่:เป็นคนที่ชอบทำตัวสบายๆ คบคนง่าย แม้กับคนแปลกหน้า มักมองคนในแง่ดี เป็นคนที่มีความเมตตา ชอบช่วยเหลือและให้ความรักแก่ผู้อื่น

รสช็อกโกแลต: เป็นคนที่ค่อนข้างมีจิตใจอ่อนไหว ขี้เหงา ชอบคิดถึงแต่วันคืนในอดีตที่ผ่านมาแล้วและเป็นคนที่ยึดในขนบธรรมเนียมประเพณีต่างๆไว้เป็นส่วนสำคัญในการดำรงชีวิต

รสช็อกโกแลตชิป:เป็นคนที่ตั้งความหวังในชีวิตไว้สูง มักมองโลกในแง่ดี เป็นคนที่สามารถแก้เรื่องร้ายให้กลายเป็นเรื่องดีเสมอ

รสผสม:เป็นคนที่ชอบความหลากหลาย มีชีวิตยืดหยุ่น ชอบการประนีประนอม

หมายเหตุ-ส่วนคนที่ไม่ชอบกินไอศกรีมเลยตำราว่า เป็นคนที่รักอิสรเสรี ค่อนข้างเป็นตัวของตัวเองสูง ชอบดำเนินชีวิตอยู่บนความเป็นเหตุเป็นผล








กำลังโหลดความคิดเห็น