ในความมืดมิดแห่งรัตติกาล มีเพียงแสงจากดวงไฟพลิ้วไหวไปตามร่างที่ยักย้ายเข้าจังหวะเสียงเพลงบรรเลง เสียงย่ำเท้าแต่ละก้าวดังกุบกับ กุบกับ กอปรกับเสียงลมหายใจที่พ่นออกมา ทำให้รู้ว่าร่างสูงโปร่งขนาดใหญ่ที่กำลังส่ายไปมานั้น คือสิ่งมีชีวิตที่รู้จักกันในชื่อของม้า กับการแสดงชุด "แดนซ์ วิท ฮอร์ส" (dances with horse) ซึ่งมีไฮไลต์อยู่ที่เสียงเพลงและแสงไฟ หนึ่งในชุดการแสดง "ศิลปะการบังคับม้าเต้นรำ"
ลูซิทาโนส์ : Born to be dancer
"ศิลปะการบังคับม้าเต้นรำ" หรือ Classical riding คือการขี่ม้าให้ม้าทำท่วงท่าต่างๆเหมือนการเต้นรำ ชัญญา ศรีเฟื่องฟุ้ง หรือเชอรี่ Executive director และครูสอนขี่ม้าของ เดอะฮอร์ส ชู พอยท์ รีสอร์ทแอนด์คันทรีคลับ เคยเขียนหนังสือเกี่ยวกับม้าชื่อ"หัดขี่ม้ากับชัญญา ศรีเฟื่องฟุ้ง" เล่าไว้ช่วงหนึ่งว่า สำหรับศิลปะการขี่ม้าเต้นรำต้องยกให้ประเทศโปรตุเกส เพราะมีความอ่อนช้อยและสง่างาม พันธุ์ม้าที่ใช้ เรียกว่าพันธุ์ "ลูซิทาโนส์"
ประวัติของลูซิทาโนส์ (Lusitanos) มีว่า ราชวงศ์โปรตุเกสส่วนใหญ่ม้าจะมีสีขาว จึงมีการเพาะพันธุ์ม้าสีน้ำตาลขึ้น เรียกว่าพันธุ์อัลแทร์ เป็นม้าที่มีรูปร่างสง่างามกว่าม้าพันธุ์ท้องถิ่น แต่ก็มีข้อเสียตรงที่ตกใจง่าย อ่อนไหวมาก ยากในการฝึกสอนโปรตุเกสเป็นประเทศที่มีการศึกษาศาสตร์ทางด้านนี้อย่างละเอียดลึกซึ้ง
ด้วยรูปร่างสง่างามสมส่วน กอปรกับเรียนรู้ได้ไว ทำให้ ลูซิทาโนส์ เป็นพันธุ์ที่นิยมนำมาฝึกเต้นรำ ทั้งนี้ต้องเป็นตัวผู้ หรือ สแตเลี่ยน เท่านั้น สำหรับลูซิทาโน่ส์ตัวเมียแม้จะฝึกได้แต่ก็ไม่นิยมนำมาร่วมโชว์
"รูปร่างลูซิทาโนส์เกิดมาเพื่อเต้นรำ คอใหญ่ เคลื่อนไหวเก็บคอ ทรงตัวด้วยขาหลังทรงพลังมาก เวลาฝึกม้าก้นจะย้อยเข้าไปข้างใน ดูกลมกลึง สะโพกแข็งแรง เรียกว่า บอร์นทูบีมาเพื่อเต้นรำ " นันทพร ศกลวรรณ หรือ ตู่ ครูฝึกและหนึ่งในนักแสดงศิลปะบังคับม้าเต้นรำของเดอะฮอร์ส ชู พอยท์ รีสอร์ทแอนด์ คันทรีคลับ แห่งแรกและแห่งเดียวในเอเชียที่เปิดสอนและโชว์ศิลปะบังคับม้าเต้นรำแสดงความเห็น
"จุดเริ่มต้นของม้าเต้นรำน่าจะมาจากโปรตุเกสกับสเปน เพราะมีวัฒนธรรมสู้วัว นำเอาศิลปะการบังคับม้าเต้นรำเข้าไปสู้ด้วย โปรตุเกสเป็นชาติที่เก็บศิลปะอันนี้ไว้ เหมือนบ้านเราเก็บโขน สมัยโบราณนิยมในกลุ่มชนชั้นสูง เดี๋ยวนี้นำมาแสดงทั่วไป หลายๆประเทศนำเอาไปใช้มากขึ้น"
นอกจากลูซิทาโนส์ของโปรตุเกส อีกพันธุ์ที่นิยมฝึกเต้นรำ คือพันธุ์ "แอนทาลูเชี่ยน"ของสเปน และ "ลิปิซาน" ของออสเตรีย ตู่บรรยายภาพว่าหน้าตาคล้ายลูซิทาโนส์ "เคยไปเที่ยวสเปน ม้าสวยหน้าตาเหมือนลูซิทาโนส์ หล่อมาก ความฉลาดเหมือนกัน คอจะใหญ่กว่า ออสเตรียใช้ม้าลิปซาน หัวแข็ง ฝึกยากกว่าลูซิทาโนส์"
ตู่อธิบายเพิ่มว่า ม้าพันธุ์อื่นก็สามารถนำมาฝึกเต้นรำได้ แต่ไม่รับรองผลว่าจะออกมาสวย สง่างามเท่าลูซิทาโนส์หรือไม่ นอกจากนี้เรื่องของระยะเวลาในการฝึกที่นานกว่าเป็นอีกปัจจัยที่ไม่นิยมนำพันธุ์อื่นมาฝึก
"ถ้าฝึกให้เต้นรำสามารถฝึกได้หมด แต่ว่าฝึกแล้วท่วงท่าจะสวยเทียบเท่าลูซิทาโนส์ ซึ่งมีเซนท์ของมันหรือเปล่า อีกอย่างใช้เวลามากกว่า ใช้ความอดทนของคนฝึกมากกว่า แต่ถ้าลูซิทาโนส์เหมือนเกิดมาเพื่อเต้นรำ โดยรูปร่างไม่นิยมนำไปแข่งขันวิ่งเป็นนักกีฬา รูปร่างเหมาะเป็นนักเต้นรำ"
"เคยเอาม้าพันธุ์อื่นมาฝึกเต้นรำ พันธุ์เทอร์เลอเบรด คล้ายม้าแข่ง สีน้ำตาล คอยาว ทำได้แต่ออกมาไม่ค่อยสวย ฝึกยากกว่า ม้าแกลบ ตัวเล็กๆเตี้ยๆ ชื่ออัศวินมาฝึกเต้นรำ ทำได้ดี จึงนำมาไว้เป็นส่วนหนึ่งในโชว์"
ศิลปะการบังคับม้าเต้นรำ
บ่ายคล้อยแสงแดดอ่อนๆรำไร สายตาหลายสิบคู่จับจ้องไปที่ลานโล่งกว้าง ม้าหนุ่มพันธุ์ลูซิทาโน่ส์สีขาวขุ่น 5 ตัวทั้งที่อิมพอร์ตจากโปรตุเกส ราคากว่า 10 ล้านบาท ม้าเหล่านี้ได้รับการฝึกทักษะเต้นรำจากประเทศที่นำเข้าตั้งแต่อายุ 4 ปีกระทั่ง 8 ปีจึงจบทุกกระบวนท่า หนึ่งในนั้น มีตัวที่สูงโปร่งเพรียวบาง พร้อมเอกลักษณ์โคนขาซีกขวาประทับตรามงกุฎ ซึ่งเป็นพันธุ์ "ลูซิทาโนส์ อัลแทร์" ชื่อว่า "แลนซาโรเต้"
"ปกติอัลแทร์ลูซิทาโนส์จะเป็นสีน้ำตาล แต่ที่มีเป็นสีขาว ราคาเกือบ 20 กว่าล้าน ตัวจะเล็กบอบบาง สวย เซนซิทีฟกว่าลูซิทาโนส์พันธุ์อื่น ใช้ในราชวงศ์ของโปรตุเกส แต่เพราะความสนิทจึงได้มา อีกตัวคือตัวที่ใช้แข่งซีเกมส์ชื่อเฮกซากาโนส์" ตู่เล่าประวัติลูซิทาโนส์ อัลแทร์
แลนซาโรเต้ บังคับโดยเชอรี่ ผู้ทำหน้าที่หัวหน้าทีม นำฝึกซ้อมสำหรับขึ้นโชว์ศิลปะการขี่ม้าเต้นรำ วิ่งเหยาะออกหน้า มาเลงเจ้ บังคับโดยตู่ ตามมาด้วยจูปี โมลิเนเต้ และมากาโซ่ ริมขอบสนาม ม้าแต่ละตัวค่อยๆเบี่ยงตัวและเท้าเฉียงไปตามทิศทางที่ไหล่ของคนกุมบังเหียนขยับ ปลายเท้าที่สลับไขว้กันไปมาขณะเคลื่อนไปข้างหน้า ราวกับเท้าของนักเต้นรำที่กำลังเต้นสลับขาไปมา
ม้าและคนเริ่มตั้งแถวเรียงหน้ากระดาน การใช้คนจำนวนมากแสดงขี่ม้าเต้นรำเช่นนี้เรียกว่า คอโรลเซล (Carrousel)สิ้นเสียง ซาลุต (salute) นักแสดงบนหลังม้าทั้ง 5 แสดงท่าทางเปิดหมวกคำนับคนดู จากนั้นเชอรี่ คนแรกของแถวเดินนำขบวนม้า ม้าเดินสลับขาไปมา นานๆจะได้ยินเสียงเชอรี่ เอะอะมาเลงเจ้ ม้าหนุ่มที่ตามหลังแลนซาโรเต้ที่เธอบังคับ ซึ่งมักจะคอยแกล้ง ตะปบก้นแลนซาโรเต้ที่เดินข้างหน้าตลอดเวลา
นึกย้อนไปเมื่อช่วงบ่าย ไม่กี่ชั่วโมงก่อนฝึกซ้อม ตู่เล่าเรื่องของเธอและม้าให้ฟังว่า " ซ้อมทำโชว์มีปัจจัยอื่นเข้ามาเกี่ยวข้องมาก ขี่ในโรงเรียนธรรมดา พอเดินตามกัน ต้องใช้สแตเลี่ยน(ตัวผู้)ทั้งหมด ความที่เป็นสแตเลี่ยน นิสัยตัวผู้จะตีกันเอง อันที่สองไม่ตีกันเองก็เจ้าชู้ หรือไม่ก็จะไปกัด หยิกกัดก้นตัวข้างหน้า"
ตู่เล่าว่าเธอเริ่มขี่ม้าเพราะรู้สึกว่าม้าเป็นสัตว์ที่สวยงาม ต้องใช้การสื่อสารกับม้า แรกเริ่มจากหัดขี่ pony พอมีความมั่นใจ เปลี่ยนมาขี่ม้าตัวใหญ่ แต่เป็นตัวเมีย(mare) พอแข็งขึ้นเปลี่ยนเป็นม้าหนุ่ม (สแตเลียน)
"พอลองขี่สแตเลียนทำให้รู้ว่าพลังแรงกว่าม้าอื่น จากนั้นได้ลองขี่สแตเลียน พอรู้ว่าควบคุมสแตเลียนได้ ลองขี่ลูซิทาโนส์ที่ใช้เต้นรำ ม้าที่ขึ้นไปมีคนขี่ก่อนและเพิ่งลง เราขึ้นไปต่อแรงไม่เยอะแล้วยังสามารถวิ่งได้เร็ว"
ตู่อธิบายว่าสแตเลียน ลูซิทาโนส์ที่ฝึกเต้นรำจากต้นตำรับโปรตุเกสจะมีปุ่มเยอะ "ซีทที่เรานั่งมีที่นั่งซ้าย-ขวา ตรงกลาง ขาด้านใน ถ้าไปสัมผัสจะไปด้านนั้น-ด้านนี้ ทำให้รู้ว่ามีอะไรน่าเรียนรู้มากกว่าเดินไปเดินม้า เลี้ยวซ้ายเลี้ยวขวา แคนเตอร์ เลยอยากเรียนบังคับม้าเต้นรำ ขี่ม้ามาได้อย่างน้อย 6-7 ปี จึงเริ่มฝึกขี่ม้าเต้นรำ"
"ท่าปกติมีเดิน ทรอท(วิ่งเรียบ) แคนเตอร์(โขยก) แกลลอป(จังหวะที่เร็วกว่าแคนเตอร์ เหมือนในแข่งม้า) ม้าเต้นรำเริ่มจากโชว์เดอร์อิน(shoulder-in) ขาหน้าของม้า ลำตัวเฉียงเข้ามาข้างใน ไหล่ของคนขนานหูม้า ฮาล์ฟพาส (half-pass) ทาแวร์(traver)คล้ายฮาล์ฟพาส หน้าติดกำแพง พีราเวส ขาหลังอยู่กับที่ แต่หมุนตัวไปรอบเป็นครึ่งวงกลมหรือวงกลม 360 องศา"
จากทรอทเป็นแคนเตอร์ " แคนเตอร์ในหนังคาวบอยจะเป็นการควบม้า แต่หากเป็นการขี่ม้าเต้นรำ เรียกว่า collected canter ทุกการเคลื่อนไหวของการทำวอล์ก ทรอท แคนเตอร์ ม้าต้องเก็บคอและช้าหมด เก็บทั้งจังหวะที่เดิน ช้า ขี่แล้วคอต้องไม่ยื่น หน้าม้าต้องเป็นเหมือน 90 องศา ขนานลงไปกับพื้น ขาหลังย้อยเข้าไปเพื่อให้ก้นของม้ากลม ม้าแข่งก้นจะยื่น แต่ถ้าเป็นม้าเต้นรำก้นจะต้องกลม นอกจากแคนเตอร์มีเพียฟ (ย่ำขา) พัสซาสคล้ายกันแต่เดินข้างหน้า"
โดยส่วนตัว ตู่บอกว่าท่าที่ยากสำหรับฝึกม้า คือท่าจบ เช่น ถอนสายบัว ก้มลงไป หรือท่าลงไปนั่งแบบสุนัข ใช้ในการแสดงตอนจบเป็นไฮไลต์ สำหรับคนขี่ท่าที่ฝึกยากคือท่าไฟอิ้งเชน "ต้องแคนเตอร์แน่น นั่งแน่นขอไฟอิ้งเชนทุกๆ 2 สไตรท์หรือทุกๆสไตรท์ แรกๆอย่าเพิ่งพูดถึงไฟอิ้งเชนเลย เพราะแค่แคนเตอร์เหมือนเค้า(ม้า)พาไปเที่ยว ไม่หยุด เหมือนจะหยุดแต่เอียงตัวไป 2 องศา เค้า(ม้า)แคนเตอร์ต่อ"
สังเกตว่าช่วงฝึกซ้อมไม่มีเพลงบรรเลงคลอตาม ตู่อธิบายว่า "ตอนฝึกไม่ค่อยได้เปิดเพลงแต่ตอนขี่เปิดเพื่อให้คนกับม้าสัมพันธ์กัน ส่วนใหญ่เป็นเพลงบรรเลงอิตาเลียน การทำท่าเกิดจากคำสั่งในร่างกายของคนขี่ทั้งมือ ขา ซีท วิป(แส้)หรือแม้กระทั่งเสียงแก็ก เพลงช่วยทำให้อารมณ์ของคนและม้าไปด้วยกัน แต่ไม่ได้เป็นตัวชี้ว่าเปิดเพลงนี้จะต้องขึ้นท่านี้ สามารถเปลี่ยนเพลงอะไรก็ได้"
อย่างไรก็ตาม แม้ช่วงฝึกซ้อมไร้เสียงเพลง ทว่าขาดเสียงปรบมือไม่ได้ "ม้าจะชินกับสถานที่ แรกๆต้องให้คนมาปรบมือ เพราะของจริงมีคนมาปรบมือให้"
ตู่เล่าต่อไปว่า ท่วงท่าในการแสดงเป็นท่าดั้งเดิมของศิลปะการบังคับม้าในต่างประเทศมีประมาณ 10 กว่าท่า บางครั้งอาจนำมาประยุกต์ให้ดูเก๋ขึ้น "อย่างท่าเพียซ เต้นย่ำกับที่นำไม้อัดมาวางที่พื้นเพื่อให้กลายเป็นเต้นแท็ป เน้นจังหวะเสียง หรือปิดไฟทั้งหมด ใส่ไฟที่ตัวม้าเห็นเป็นรูปร่างของม้า เวลายกเท้าสแปนนิสวอล์ก ไฟที่ข้อเท้าจะเคลื่อนไหวในความมืด"
สำหรับตู่ เพียซ (เต้นย่ำอยู่กับที่) คือท่าที่สวยที่สุด และท่าไฟอิ้งเชนคือท่าที่สนุกมีทั้งควบ เปลี่ยนสลับขา
"โปรตุเกสหรือสเปนจะเต้นฟามิงโก้ มีนักดนตรีคนเต้น การเคลื่อนไหวของม้าจะนำมาสัมพันธ์กับคนที่เต้น บางครั้งในฝรั่งเศสทำโชว์ใส่ชุดบัลเลต์ ท่าเต้นยกขาไปพร้อมกับม้า ผู้หญิงยืนอยู่ข้างๆหน้าอกเต้นคู่กับม้า"
"ท่าคาปลิโอลี แบบคนอยู่ข้างบนและไม่มี ใช้คนบังคับด้านหน้าให้ม้ายกขาหน้าขึ้น และคนด้านข้าง ตวัดแส้ยาวตวัดขาหลังให้ม้าฉีกขากลางอากาศทำมุม 180 องศา บางครั้งใช้คนคนเดียวทำหน้าที่ 2 อย่างให้ม้ายกขาหน้า ซึ่งไม่มีบ่อยต้องเป็นม้าที่แข็งแรงทั้งขาหน้า-ขาหลัง พอยกขึ้นตวัดแส้ฉีก อีกทีต้องมีคนนั่งข้างบนต้องทรงตัวดีๆขณะที่ม้าฉีกขากลางอากาศ" ตู่เล่าประสบการณ์ การชมม้าเต้นรำในหลายๆประเทศ เพื่อประยุกต์ในโชว์ม้า
ม้าที่ขึ้นเวทีครั้งแรกตัวสั่นไม่ต่างจากคน "ตื่นเวที ตัวสั่นๆ พุ่งออกตัวตลอดเวลา เช่นเดียวกับคนออกเวทีครั้งแรกตื่นเต้น ถ้าซ้อมเยอะชินกับม้าจะดี โชคดีได้ม้าเจนเทิลแมน มีอะไรเฉย เราก็คุมอารมณ์เราอย่างเดียว ถ้าได้ม้าเซนซิทีฟก็ลำบากนิดหน่อย"
บ้านเราการแสดงม้าเต้นรำยังไม่เป็นที่รู้จักมากนัก "ที่นี่เป็นทีเดียว คุณชัยคีรีกับคุณชัยนรินทร์สนใจมานาน ถ้าในยุโรปดูม้าเต้นรำเหมือนไปงานกาล่าดินเนอร์ เหมือนอยู่ในยุคนั้นกินข้าวเสร็จแล้วดูโชว์ ของเค้ามีมานาน 2,000-3,000 พันปี ยังเก็บไว้ใช้ต่อสู้กับวัวกระทิงบนหลังม้า มีการเคลื่อนไหวดูน่ารักกว่ายืนสู้กับวัวธรรมดา ก่อนยืนเผชิญหน้ากับวัวจะยืนเต้นอยู่กับที ทำท่ากวักมือเรียก"
"ขี่ม้าเต้นรำเป็นวิชาที่เรียนไม่จบ มีอะไรเรียนกับม้าอีกเยอะ แต่ละตัวไม่เหมือนกัน นอกเหนือจากมาขี่ทั่วๆไป พอไปเรื่อยๆถึงจุดจุดหนึ่ง ซีทเริ่มแน่น เริ่มมองการขี่ม้าเต้นรำ ตอนนี้มีนักเรียน 3-4 คน สำหรับโชว์ศิลปะการบังคับม้าชั้นสูง 1 ชั่วโมง ราคา 2,000 และ 2,500 บาท 10 ชั่วโมง 18,000 บาท และ 23,000 บาท"
ตู่ทิ้งท้ายว่าหากยกเว้นไม่พูดถึงการขี่ม้าในสนามแข่ง ขี่ (passage) ข้ามเครื่องกีดขวางเปรียบเหมือนยิมนาสติก และขี่ม้าเต้นรำหมือนการเต้นบัลเล่ต์ ซึ่งมีความอ่อนช้อยมากกว่า พอๆกับมีการเคลื่อนไหวของท่ามาก
สุนทรีย์ศาสตร์กับการมองศิลปะบังคับม้าเต้นรำ
นฤมล โชติเวช อาจารย์จากมหาวิทยาลัยศิลปากร แสดงความเห็นเปรียบเทีบบการเรียนสุนทรียศาสตร์ที่สอนกับศิลปะการบังคับม้าเต้นรำ "สุนทรียศาสตร์เรียนเกี่ยวกับอารมณ์ความรู้สึกที่เห็นหรือรู้สึก พูดถึงม้าเต้นรำ คน ม้า ดนตรีเป็นหนึ่งเดียวกัน เพลงทุกเพลงจะมีท่อนของมัน สื่ออารมณ์ต่างๆ พอถึงท่อนนั้นม้าทรอทได้จังหวะเป็นหนึ่งเดียว จะมีอารมณ์เหมือนคนทำอะไรถึงความสำเร็จ เคยดูพอถึงจุดนั้นขนลุก ปรบมือให้ แต่ที่สุดแล้วคนที่ได้ความรู้สึกมากกว่าเราคือคนบังคับม้า อยู่บนจังหวะ เสียงเพลง ได้คนดูที่ชื่นชม"
"อารมณ์สุนทรียะเกิดขึ้นกับศิลปะหลายแขนง หากพูดถึงอารมณ์สุนทรียะมักคิดถึงแค่สิ่งที่สัมผัสบ่อยๆ แต่ม้าเต้นรำหลายคนยังไม่ได้สัมผัส ถือเป็นศิลปะแขนงหนึ่ง เป็นการแสดงออก การที่คนขี่ม้าแสดงออกท่าได้เหมือนการแสดง มีดนตรี มีสี แสง เสียง เป็นการเต้นชนิดหนึ่ง เพียงแค่ครั้งนี้เป็นคนเต้นรำกับม้า แทนที่จะเป็นการเต้นบัลเลต์เดี่ยว มองแล้วทึ่งความสามารถของคนคนเดียว ม้าเต้นรำทึ่งความสามารถคนและม้า อีกอย่างสัตว์ไม่ใช่มีอารมณ์รู้เรื่องตลอด มีเพียงเทคนิคบังคับที่ทำให้เค้าเป็นหนึ่งเดียวได้"
******
ผู้จัดการปริทรรศน์ รับสมัครเพื่อนร่วมงาน
-ถ้าคุณจบปริญญาตรี มีความมุ่งมั่นในอาชีพสื่อมวลชน
-พร้อมทำงานหนัก ซื่อสัตย์ ต่อตัวเอง และองค์กร
-มีมนุษย์สัมพันธ์ ทำงานเป็นทีมได้
เขียนใบสมัครด่วน ที่ฝ่ายบุคคล บริษัทแมเนเจอร์ มีเดีย กรุ๊ป จำกัด(มหาชน) หนังสือพิมพ์ผู้จัดการรายวัน ถนนพระอาทิตย์ เขตพระนคร กทม.