xs
xsm
sm
md
lg

"นิตยสารทำมือ" ทางเลือกของวัยรุ่น

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


เมื่อเอ่ยถึงวงการสื่อสิ่งพิมพ์ของบ้านเราในขณะนี้ ไม่ว่าจะเป็นหนังสือพิมพ์ นิตยสาร หนังสือพ็อกเกตบุ๊ก ตั้งแต่รายวัน รายสัปดาห์ รายปักษ์ ตลอดจนถึงรายเดือน ปีนี้ต้องเรียกว่า เป็นปีทองของนิตยสารเลยทีเดียว บนแผงหนังสือมีนิตยสารใหม่เกิดขึ้นมากมาย จนแทบจะเลือกซื้อเลือกอ่านกันไม่ทัน

อย่างไรก็ตาม นิตยสารบางเล่มออกมาแค่ฉบับปฐมฤกษ์ หรือไม่ก็เล่ม 2-3 แล้วก็หายเงียบไป หรือเรียกง่ายๆว่า "เจ๊ง" ทำให้อดที่จะสงสัยไม่ได้เหมือนกันว่า นี่เป็นปีทองของนิตยสารหรือเป็นปีที่ให้นิตยสารแข่งกันเกิดแล้วก็ล้มหายตายจากไป อย่างที่เราๆท่านๆเห็นอยู่กันแน่!!

ยังมีนิตยสารอีกประเภทหนึ่งที่ยังคงได้รับความสนใจไม่ยิ่งหย่อนไปกว่านิตยสารบนแผงทั่วๆไป เรากำลังพูดถึง "นิตยสารทำมือ" หรือ "นิตยสารรายสะดวก" โดยส่วนใหญ่เจ้าของนิตยสารเหล่านี้มักจะเป็นเด็กนักเรียน-นักศึกษา ซึ่งเล็งเห็นความสำคัญของนิตยสารว่าเป็นสื่อสิ่งพิมพ์ที่สามารถเข้าถึงวัยรุ่นอย่างวัยพวกเขาเองได้ดี และอยากให้มีนิตยสารในรูปแบบที่พวกเขาต้องการ พร้อมกันนี้ยังต้องการให้นักอ่านผู้บริโภคนิตยสารทั้งหลายได้รับรู้ข่าวสารผ่านตัวหนังสือที่ถ่ายทอดอยู่ในนิตยสารทำมือของพวกเขาเองอีกด้วย

นิตยสารทำมือจึงเป็นอีกหนึ่งสื่อทางเลือกของเด็กวัยรุ่น แต่จะเป็นแค่กระแสความนิยมที่สักพักก็คงหายไปหรือไม่ หลายคนอาจต้องลองพิสูจน์ด้วยตัวเองดูว่า ABOUT, พระจันทร์ และ เล็ด จะเป็นเพียงนิตยสารทำมือที่รอวันอวสาน หรือจะกลายเป็นนิตยสารแห่งความทรงจำของวัยรุ่นไปตลอดกาล

"ABOUT" ปั้นศิลปะด้วยสมองกลั่นกรองสู่ผู้อ่าน

"...ABOUT ไม่ได้เกิดขึ้นมาอย่างหลักลอย ไม่ได้เกิดขึ้นมาเพราะนึกสนุกอยากเอาเงินทองมาผลาญให้ตัวเองสิ้นเนื้อประดาตัวเล่น ไม่ได้เกิดมาเพราะความอหังการอยากท้าทายต้องการลองของหรือไปแข่งขันกับใคร แต่ ABOUT เกิดขึ้นเพราะความหวัง ไม่ว่าจะเป็นวงการศิลปะที่หวังว่าการวิพากษ์วิจารณ์งานศิลปะจะกระจายพรายพลัดออกไปในวงกว้างมากขึ้นซึ่งจะได้สมตามเจตนารมณ์ของอาจารย์ศิลป์ หรือแม้แต่วงวรรณกรรมที่จะส่งเสริมให้คนหันมาอ่านหันมาเขียนจดบันทึกความคิดความเข้าใจของตนกันมากขึ้น หรือแค่มันจะดึงคนหนุ่มสาวให้ออกจากอบายมุขแล้วหันไปทางอื่นได้ นั่นก็เป็นจุดมุ่งหมายที่ทำให้มี ABOUT แล้ว"

ข้อความข้างต้นนั้นคงสามารถอธิบายถึงที่มาและวัตถุประสงค์ของนิตยสาร ABOUT โดยทวารัตน์ หงษ์นคร หรือโหน่ง ชายหนุ่มวัย 23 ปี ผู้เป็นเจ้าของนิตยสารทำมือเล่มนี้ได้เป็นอย่างดี
โหน่ง พูดถึงนิตยสารของเขาว่า "ABOUT เป็นนิตยสารที่นำเสนอศิลปวัฒนธรรมและบทวิจารณ์ด้านงานศิลปะ โดยอิงศิลปะเพื่อขยายขอบเขตให้กว้างไปถึงพวกเรื่องวรรณกรรม หนัง เพลง และงานวัฒนธรรมด้วย หรือพูดง่ายๆก็คือ ABOUT ต้องการให้วัยรุ่นหันมาสนใจเรื่องศิลปวัฒนธรรมบ้าง เพราะเรื่องพวกนี้มันอยู่ไม่ไกลตัวหรอก เพียงแต่ถ้าวัยรุ่นจะไปหยิบหนังสือประเภทนี้มาอ่านมันอาจโตเกินไปสำหรับเขา ดังนั้นผมจึงอยากให้ ABOUT สามารถเข้ากับวัยรุ่นได้มากที่สุด โดยเน้นภาษาที่สื่อความได้ ไม่จำเป็นต้องใช้ภาษาวิชาการ หรือใช้ศัพท์แสงแสลงเอาใจวัยรุ่นซะเหลือเกิน แต่ให้นึกไว้เสมอว่า เราเป็นวัยรุ่นเขียน ให้วัยรุ่นอ่าน"

"ดังนั้นสิ่งที่คนอ่าน ABOUT ได้รับจะเหมือนการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันมากกว่า มีทั้งความจริงและความคิดเห็น เพราะ ABOUT มีพื้นที่ตรงนี้ให้คนรุ่นใหม่ได้แสดงความคิดเห็น แต่บทความที่ได้ลงตีพิมพ์ใน ABOUT คนเขียนจะไม่ได้รับค่าตอบแทนใดๆ เลย และอีกอย่าง ABOUT ก็ไม่มีนักเขียนประจำด้วย เพราะคนอ่าน คือ นักเขียน ดังนั้นสิ่งที่นักเขียนจะได้รับจึงมีเพียงประสบการณ์เท่านั้น"

เมื่อพูดถึงอายุอานามของ ABOUT โหน่งบอกว่า "ก็ราว 2 ปีกว่าๆเห็นจะได้ เพราะเริ่มพิมพ์ครั้งแรกเมื่อเดือนกรกฎาคม 2545 กระทั่งเล่มล่าสุดที่ออกเมื่อเดือนมิถุนายน 2547 ตอนนี้ก็ 8 เล่มแล้ว ผมเริ่มจากจำนวนน้อยเพียง 200 เล่ม แล้วค่อยๆเพิ่มขึ้นมาเรื่อยๆ จนถึง 500 เล่มโดยทุนของตัวเองทั้งหมดไม่มีโฆษณาเข้ามาเกี่ยวข้อง ซึ่งบางเล่มก็หมดไปแล้วนะ แต่ไม่ใช่ว่าขายดีอะไรหรอก เป็นเพราะทำออกมาน้อยมากกว่า และผมคิดว่าการขายหนังสือแค่ไม่กี่ร้อยเล่มมันไม่ใช่เรื่องยากนัก คือเราขยันขายมันมากเท่าไรมันก็กลับมาหาเรามากเท่านั้นแหละ"

ส่วนความรู้สึก ณ ตอนนี้ ที่มีต่อ ABOUT "ผมพอใจแล้วกับนิตยสารของผม เพราะ "ABOUT ที่ขาวๆดำๆแบบนี้ล่ะ มันคือตัวผม มันกลายเป็นชีวิตผมไปแล้ว และคงจะทำไปเรื่อยๆ เหมือนเป็นงานอดิเรก แต่ถ้ามีโครงการอะไรใหม่ก็คงจะเปิดเป็นคนละหัวหนังสือกัน ให้แตกต่างจาก ABOUT ไปเลย"

ก่อนจะจบการสนทนากัน โหน่งเจ้าของนิตยสารABOUT ยังมีข้อคิดสำหรับมือใหม่ที่อยากทำนิตยสารด้วยว่า "เรื่องที่น่าเสียดายที่สุดของวงการนิตยสารทำมือ คือ บางคนต้องผันตัวไปให้เข้ากับตลาด เข้ากับเอเยนซีเพื่อเลี้ยงปากเลี้ยงท้อง แต่ผมคิดว่าเขาน่าจะทำควบคู่กันไปทั้งสองอย่าง เพราะอย่างน้อยสิ่งที่ทำมาแล้วมันออกมาจากอุดมการณ์ความคิดจริงๆ และถ้าคุณจะเป็นคนที่สมบูรณ์ให้ได้มันจะต้องประกอบกันทั้งสองอย่าง เพราะการที่คุณจะทิ้งน้ำหนักไปที่ธุรกิจอย่างเดียวเท่ากับว่าคุณไม่มีจุดยืนสิ ใครจะพาไปทางไหนก็ได้ ในที่สุดคงไม่ต่างอะไรกับขยะ!!"

"นิตยสารพระจันทร์" จินตนาการที่ต้องกอบกู้

หลายคนคงพอจะคุ้นหน้าคุ้นตากับเจ้าของนิตยสารทำมือกึ่งสำเร็จรูปเล่มนี้อยู่บ้าง เด็กหนุ่มที่มีอายุเพียง 19 ปี ในฐานะประธานอำนวยการคณะบรรณาธิการบริหารกรรมการผู้จัดการใหญ่สูงสุดของนิตยสารพระจันทร์ เขาคือ ภาสกร ช่อผกา หรือ เจ ผู้ที่ดำรงตำแหน่งที่มีชื่อยาวที่สุดที่เคยได้ยินมาก็ว่าได้

ครั้งแรกที่ได้พบกับเจ้าของนิตยสารพระจันทร์ สิ่งที่เห็นได้ชัดเจนที่สุด คือ เจเป็นเด็กวัยรุ่นที่มีบุคลิกเฉพาะตัวไม่เหมือนใคร เขาเป็นคนที่กล้าพูด กล้าแสดงออก แม้ว่าความคิดในบางเรื่องของเขานั้นจะแตกต่างจากคนอื่นโดยสิ้นเชิงก็ตาม ซึ่งถ้าเป็นเด็กวัยรุ่นทั่วไปอาจไม่กล้าพอที่จะบอกถึงความคิดเห็นที่แตกต่างจากชาวบ้านทั่วไป แต่สำหรับเด็กหนุ่มคนนี้แล้วผิดถนัด เพราะเขากล้าพอ กระทั่งความกล้านั้นเผื่อแผ่มายังนิตยสารพระจันทร์เล่มนี้

เจ เริ่มเล่าให้ฟังว่า "จุดประสงค์ของนิตยสารพระจันทร์ คือ ต้องการนำเสนอทุกๆเรื่อง โดยอยู่ภายใต้สโลแกนขบถต่อความรู้เพื่อกอบกู้จินตนาการ โดยเราจะมองเรื่องต่างๆในมุมมองใหม่ๆ อาจเป็นเรื่องที่คนอื่นเคยมอง ซึ่งเราจะมองในอีกมุมมองหนึ่งของเราที่แตกต่างออกไปหรืออาจเป็นมุมมองเดิมก็ได้ แต่เราคิดหลายตลบ หลายชั้นกว่าเท่านั้น ในขณะที่คนอื่นอาจคิดเพียงชั้นเดียว ถึงแม้ผลลัพธ์มันอาจจะออกมาเหมือนกัน"

เจอธิบายเพิ่มเติมว่า "ขบถต่อความรู้ ไม่ได้หมายความว่า การปฏิเสธความรู้ แต่หมายถึงการมีความรู้ความเข้าใจอย่างลึกซึ้งแล้วจึงค่อยตัดสินใจว่าเราจะขบถหรือเลือกที่จะเป็นแบบเดิม เพราะการขบถต่อความรู้นั้นย่อมแสดงถึงได้ว่าครั้งหนึ่งคุณต้องเคยศึกษาความรู้นั้นอย่างถ่องแท้แล้วต่างหาก หรือพูดอีกนัยก็คือ ปรัชญาเชิงลึกนั่นเอง"

ภายใต้แววตาอันแข็งกร้าว เจ้าของหนังสือที่มีตำแหน่งยาวฉบับนี้ กล่าวต่อไปว่า "นิตยสารพระจันทร์ของเราประกาศจุดยืนชัดเจนตั้งแต่เริ่มแรกไว้ว่า เราเป็น postmodern คือ เป็นภาคปฏิเสธของความทันสมัย โดยเราจะแค่บอกหรือต่อต้านอะไรบางอย่างเท่านั้น ซึ่งอาจแฝงข้อเรียกร้องอะไรบางอย่างแต่จะไม่ชี้ทางออก เพราะคุณต้องไปค้นหาทางออกเอาเอง"

ทั้งนี้ถ้าเปรียบเทียบนิตยสารพระจันทร์กับตัวเอง เจบอกว่า "ผมคิดว่ามันเกี่ยวข้องกันอย่างมากๆเลยเพราะ ส่วนหนึ่งคือเป็นคนต้นคิดเอง รวมทั้งเป็นคนตัดสินด้วยว่าบทความไหนจะได้ลง เป็นคนให้รูปแบบนิตยสารกับทีมงาน เพราะส่วนตัวแล้วผมก็ไม่ใช่นักเขียน แต่จะเป็นคนบริหารและประสานงานมากกว่า โดยเล่มแรกที่ทำออกมาจะเน้นหลักว่าไม่มีอะไรเป็นความจริงสูงสุด เพราะแต่ละคนก็มีความจริงเป็นของตัวเอง"

"ตั้งแต่แรกจนถึงตอนนี้สำหรับการเริ่มวางแผงเป็นฉบับแรก ผมรู้สึกพอใจ ถึงยอดขายจะอยู่ที่ 50% ก็ตาม แต่ทำให้ผมได้เรียนรู้ว่าการเริ่มต้นทำอะไรสักอย่าง บางเรื่องก็ไม่เป็นอย่างที่ผมคิดไว้เสมอไป เช่น จำนวนยอดพิมพ์ที่ค่อนข้างสูงถึง 2,500 เล่ม นับเป็นการลงทุนที่สูงมากสำหรับนิตยสารทำมือ คือ เหมือนกับว่าเริ่มแรกผมมีเพียงความฝัน แต่พอถึงเวลาทำออกมาจริงๆแล้ว ถึงได้รู้ว่าโลกของความจริงมีข้อจำกัดอะไรอีกเยอะ สอนให้ผมต้องมองว่าเดี๋ยวนี้นิตยสารทำมือมันจำเป็นต้องมีโฆษณาคือเข้าสู่ระบบธุรกิจนั่นแหละครับ"

อีกเรื่องที่เจ้าของนิตยสารพระจันทร์คนนี้ฝากไว้คือ "อยากให้เด็กรุ่นใหม่สนใจทำนิตยสารทำมือ แต่ให้ดูตัวอย่างจากนิตยสารของผม คือถ้าอยากทำก็ต้องมีการวางแผนให้มากกว่านี้ ไม่อยากให้เป็นนิตยสารตามใจตัวเอง แล้วเมื่ออยากเอาขึ้นมาบนดินมันจะต้องมองในแง่ของการตลาดด้วย อาจจะต้องเข้าหาคนส่วนใหญ่ก่อน พอติดตลาดแล้วค่อยแสดงความเป็นตัวเองมากขึ้นก็ได้"

"นิตยสารเล็ด" การ์ตูนจากฝีมือเด็กไทย

ถ้าจะอ่านการ์ตูนสักเล่ม หลายคนคงจะเลือกการ์ตูนญี่ปุ่น แต่ถ้าคุณได้รู้จักกับการ์ตูนฝีมือเด็กไทยเล่มนี้ อาจจะทำให้คุณเปลี่ยนใจหันมานิยมไทยแบบถอนตัวไม่ขึ้นเลยทีเดียว ขอเพียงให้คุณได้เห็นฝีไม้ลายเส้นที่ก่อเกิดเป็นตัวการ์ตูนนักแสดงนำในนิตยสาร "เล็ด"

ไม่น่าแปลกใจว่าทำไมเจ้าของนิตยสารการ์ตูน "เล็ด" เล่มนี้ ถึงได้ดูท่าทางเฮฮาและขี้เล่นขนาดนี้ คงเป็นเพราะพวกเขาหยั่งรากลึกลงไปในตัวการ์ตูนที่พวกเขาวาดอย่างแน่นอน ทั้งคู่คือตัวแทนจาก "เล็ดแก๊ง" ธัญลักษณ์ เตชศรีสุธี หรือซัน และปฏิบัติ ปรียาวงศากุล หรือน้ำ ทั้งสองคนอายุ 19 ปีเท่ากัน เรียนที่คณะนิเทศศิลป์ สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบังเหมือนกันอีกต่างหาก

ซันและน้ำเล่าให้ฟังว่า "ทีมงานที่วาดการ์ตูนในเล่มมีทั้งสิ้น 7 คนด้วยกัน พวกเราเป็นเพื่อนกันและเรียนศิลปะทุกคน การที่เรามารวมตัวกันแล้วทำนิตยสารเล็ด โดยเลือกที่จะเป็นการ์ตูนนั้น เพราะพื้นฐานของเราเองเป็นคนชอบอ่านการ์ตูน ผนวกกับมีความรู้ด้านการวาดรูปก็เลยออกมาเป็นนิตยสารการ์ตูนเล่มนี้ครับ"

ทั้งสองกล่าวถึงการ์ตูนของพวกเขาว่า "อยากให้เป็นการ์ตูนที่อ่านง่ายๆเข้าใจง่าย กึ่งวาไรตี้ เหมือนเป็นการ์ตูนรวมเล่ม เพราะในทีมเรานั้นแต่ละคนมีความถนัดความชอบไม่เหมือนกัน ก็ให้วาดตามที่ตัวเองถนัดดีกว่า โดยการ์ตูนของเรานั้นต้องการเสนอแนวคิดทั่วๆไปที่เกิดขึ้นรอบตัวเรา"

"พวกเราภูมิใจกับนิตยสารเล็ดมาก ยิ่งถ้ามีเด็กสนใจทำแบบนี้อีกก็คงดี ไม่คิดว่าเป็นคู่แข่งเลย แต่กลับรู้สึกว่ามันน่าจะดีซะด้วยซ้ำไป จะได้พูดคุยแลกเปลี่ยนทัศนะความคิดและประสบการณ์กัน กลายเป็นพันธมิตรที่ดีต่อกัน เนื่องจากตลาดการ์ตูนในบ้านเรามันเล็กมากอยู่แล้วคงไม่ทะเลาะกันหรอกครับ"

"ดังนั้นการมีกิจกรรมสำหรับเด็กวัยรุ่นจึงเป็นสิ่งที่ดี แต่คิดว่าปัจจุบันมันเป็นความสนใจเฉพาะกลุ่มมากเกินไป อยากให้ติดต่อกับคนอื่นทั่วๆไปมากกว่านี้ เช่นคนที่ชอบการ์ตูนก็จะสนใจแต่การ์ตูนอย่างเดียว มันจะเป็นปัญหาได้ คือ เขาจะติดต่อคนภายนอกไม่ได้ ในขณะเดียวกันคนภายนอกที่มองเขาก็จะไม่ยอมรับเขา ฉะนั้นถ้าเราชอบแบบนี้เราก็ควรทำให้คนอื่นได้รู้จักตัวเราด้วย การทำกิจกรรมที่ดีก็คือการได้ติดต่อ ได้รู้จักกับคนเยอะๆ ควรมีการประชาสัมพันธ์ที่ดี ไปร่วมกิจกรรม ไปออกงานบ้างยิ่งดีครับ" แกนนำนิตยสารเล็ดทั้งสองบอกเล่าถึงความตั้งใจจริงของพวกเขา

ทั้ง ABOUT พระจันทร์ และ เล็ด เป็นส่วนหนึ่งในนิตยสารทำมือจำนวนมากมาย ที่เราหยิบยกขึ้นมาให้คุณได้ลองทำความรู้จักพวกเขาดูเท่านั้น บางครั้งความรู้สึกนึกคิดอาจแตกต่างหรือขัดแย้งกับคุณไปบ้าง แต่นั่นเป็นมุมมองตามวัยของพวกเขา แต่ความตั้งใจที่เกิดขึ้นก็ได้ช่วยให้เราเห็นชัดเจนขึ้นถึงเจตนาที่เปี่ยมล้นด้วยความมุ่งมั่น สิ่งนี้ต่างหากที่เราควรมอบโอกาสเป็นกำลังใจให้แก่ความตั้งใจของพวกเขา

ไม่แน่ว่าวันหนึ่งพวกเขาเหล่านี้จะเติบใหญ่เป็นอนาคตอันสดใสของวงการนิตยสารในบ้านเรา



กำลังโหลดความคิดเห็น