xs
xsm
sm
md
lg

ดนตรีไทย กับศรัทธาและความรัก ของวง “ชาวเกาะ”

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ยามบ่ายวันอาทิตย์ ณ สวนสาธารณะสันติชัยปราการ คนกลุ่มหนึ่งรวมตัวกันเล่นดนตรีไทยเดิมขับกล่อมผู้คนที่มาพักผ่อนในสวนสาธารณะริมแม่น้ำเจ้าพระยาแห่งนี้มาเป็นเวลากว่า 2 ปีแล้ว พวกเขาตั้งใจร้องและเล่นอย่างสุดฝีมือทุกครั้ง ไม่ว่าจะมีคนฟังเรือนสิบหรือเพียงคนเดียวก็ตาม

หลายคนที่เคยพบเห็นอาจนึกไปว่าเป็นวงดนตรีที่ทางกรุงเทพมหานครว่าจ้างมาเพื่อแสดงดนตรีในสวน บ้างก็ว่าเป็นที่ซ้อมมือของนักเรียนดนตรีไทย (รุ่นใหญ่) แม้กระทั่งมีเสียงโจมตีว่าเป็นพื้นที่แสดงออกของคนชายขอบในสังคมไทย ก็ว่ากันไป... หากแต่ใครที่ได้ชมการแสดงและรับฟังดนตรีที่พวกเขาเล่นแล้ว เมื่อลบอคติออกไปจะพบว่าดนตรีไทยที่พวกเขาบรรเลงและขับร้องนั้น คือศิลปะพิสุทธิ์ที่ต้องใช้ “ใจ” เล่นและรับฟัง รวมถึงศรัทธาของนักดนตรีที่ยังเห็นคุณค่าและความงามของศิลปะดั้งเดิม ซึ่งนับวันจะจางความนิยมลงไปตามยุคสมัย

อันว่าด้วยชื่อ “ชาวเกาะ”

จากจุดเริ่มต้นการเรียนดนตรีไทยในสวนสาธารณะแห่งนี้ หลังจากจบคอร์สแล้วต่างคนก็แยกย้ายกันไป แต่นักเรียน 3 คน ยังอยากให้มีการรวมตัวเล่นดนตรีไทยร่วมกันเช่นนี้อยู่ จึงตัดสินใจนัดพบกันทุกวันอาทิตย์เพื่อซ้อมดนตรี และหวังว่าจะมีคนที่สนใจมาเข้าร่วมด้วย

หนึ่งในนักเรียนดนตรีไทย 3 คนนั้นก็คือ วินัย ขวัญยืน ผู้ที่เพิ่งเคยหัดดนตรีไทยอย่างจริงจังเป็นครั้งแรก และนับตั้งแต่วันนั้นชีวิตของเขากับดนตรีไทยก็กลายเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน เขาเป็นตัวตั้งตัวตีสำคัญในการพยายามก่อตั้งและรวบรวมวงให้เป็นรูปเป็นร่าง และเป็นผู้สนับสนุนด้านการเงินคนสำคัญของวงดนตรีไทยที่มีชื่อภายหลังว่า “ชาวเกาะ” (The Islander)

“ชาวเกาะก็มาจากการเกาะๆ กันไป รวมกลุ่มกันไป ก็กลายมาเป็นวงชาวเกาะอย่างทุกวันนี้” วินัยกล่าวถึงที่มาของชื่อวงชาวเกาะอย่างอารมณ์ดี

จากเวทีบนพื้นดินพื้นหญ้าในสวน พัฒนามาสู่เวทียกพื้นด้วยความอนุเคราะห์จากทาง กทม. แต่ในส่วนของเครื่องเสียงและไมโครโฟนต่างๆ นั้น เป็นเงินส่วนตัวของวินัยเอง สมาชิกอื่นๆ ในวงก็มาร่วมเล่นด้วยใจ ไม่มีค่าจ้าง ค่าตอบแทน ซ้ำต้องแบกเครื่องดนตรีมาจากบ้านและออกค่ารถ ค่าอาหารเองทั้งสิ้น (บางคนบ้านอยู่ไกลถึงจังหวัดระยองก็ยังมา)

นับจนบัดนี้วงดนตรีไทยชาวเกาะ มีสมาชิกเกือบ 20 คน ทั้งครูบาอาจารย์ เจ้าของกิจการร้านอาหาร พนักงานบริษัทเอกชน ฯลฯ มีสมาชิกที่อายุน้อยที่สุดเป็นนักเรียนอายุ 17 ปี ส่วนสมาชิกที่อายุมากที่สุดเป็นบัณฑิตสถาปัตย์จากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยที่อายุเกือบ 78 ปี วินัยบอกว่าถ้าจะพูดถึงวงชาวเกาะแล้วจะไม่กล่าวถึงสมาชิกในวงทุกคนคงไม่ได้ เพราะถ้าขาดใครไปวงก็ไม่อาจเป็นวงที่สมบูรณ์แบบ

เครื่องดนตรีที่เป็นนางเอกของวงอย่างซอด้วงมี ปิยะเนตร เสริฐวิชา และ ทองอู จักรสิงห์ เป็นผู้เล่น จะเข้มี ศุภเกียรติ ปะโพชะนัง , ผไท ภูเบศ และกฤษดา อินลา ส่วนซออู้ ได้แก่ วัลลภ พรหมพล , บุญส่ง ธรรมวณิช , ภัทร สายไทย และอรรณพ แสงแจ่ม เครื่องตีและเป่าก็มี วิภาส เปี่ยมอยู่สุข และวุฒิไกร สันติอโนทัย ตีกลอง , ชาลิสา สร้อยจินดา ตีขิม , สัญญา กาญจนี เป่าขลุ่ย , พันธุ์ศักดิ์ วรรณดี และไพลิน พัวพัน เป็นผู้ขับร้อง ทั้งนี้ตำแหน่งหน้าที่ต่างๆ ในวงอาจสลับสับเปลี่ยนกันได้แล้วแต่ความเหมาะสม เพราะสมาชิกแต่ละคนสามารถเล่นเครื่องดนตรีไทยได้หลายชิ้น

ครูดนตรี 5 แผ่นดิน

บุคคลสำคัญคนหนึ่งที่จะละเลยกล่าวถึงไม่ได้ก็คือ ครูเลื่อน สุนทรวาทิน ผู้ที่นักดนตรีวงชาวเกาะให้ความเคารพนับถือเป็นทั้ง “ครู” และ “แม่” ผู้คอยให้แนวทางและคำแนะนำในการเล่นดนตรีไทยเดิมตามขนบของดนตรีในวัง ด้วยครูเลื่อนนั้นเคยเป็นนักดนตรีไทยในวัง เล่นดนตรีถวายหน้าพระที่นั่งของพระเจ้าอยู่หัวและพระบรมวงศานุวงศ์มาหลายรัชกาล โดยตัวครูเลื่อนนั้นเกิดในปลายแผ่นดินรัชกาลที่ 5 จนบัดนี้ท่านอายุได้กว่า 96 ปีแล้ว

“พวกเราเป็นหนี้บุญคุณแม่ เพราะแม่เป็นคนที่อยู่เบื้องหลังของวงชาวเกาะ และให้ความรู้กับเรา ถ้าไม่มีแม่ เราเล่นอย่างมากก็แค่ลาวดวงเดือน เขมรไทรโยค ลาวเจริญศรี จบแล้ว ไม่รู้จะเล่นอะไร แต่นี่แม่มาให้เยอะมากทั้งตับขอมดำดิน ขอมเงิน ขอมทรงเครื่อง แล้วให้แบบโบราณ มอญก็มี แบบมอญบางขุนพรหม ทั้งแขกมอญ เราก็เล่นกันอยู่ ซึ่งเพลงบางอย่างมันเล่นยากมาก เป็นของโบราณที่เขาไม่เล่นกันแล้ว เพราะว่ามันยาก นี่เราก็หัดกันอยู่ เพราะฉะนั้นด้วยความเสียสละของแม่ เราถึงได้มีความรู้เพิ่มขึ้น แล้วอีกอย่างหนึ่งคนมันจะมีความรู้เองไม่ได้ ไม่ใช่ว่าเกิดมาเป็นคนเก่ง พี่ไม่เชื่อ พี่เชื่อว่าคนเรามันฝึกได้ แต่ถ้าเราไม่ได้เห็นตัวอย่างที่ดีนี่... ในวงการดนตรีไทยมันมีข่าวเซ็งแซ่ในเรื่องที่ว่าไม่ค่อยรักกัน ทะเลาะกันในทางนั้นทางนี้ แต่ในวงชาวเกาะนี่เราไม่ทะเลาะกัน เขาจะไปเรียนทางไหนมามันก็เรื่องของเขา ทางที่เราเล่นมันหลายทาง ทั้งทางลาว ทางเขมร ทางมอญ ทางพม่า ทางจีน หรือแม้แต่ทางฝรั่ง แต่เวลาเรามาเล่นเราจะปรับให้เป็นแบบเดียวกัน โดยใช้ทางแบบในวังเป็นมาตรฐาน จึงไม่มีทางทะเลาะกัน” วินัยกล่าวถึงครูเลื่อนด้วยสรรพนามว่า “แม่” อย่างรักและเคารพ

ครูเลื่อนเป็นบุตรสาวของพระยาเสนาะดุริยางค์ (แช่ม สุนทรวาทิน) ผู้มีคุณูปการมหาศาลต่อวงการดนตรีไทย ทำให้ได้รับการถ่ายทอดและซึมซับดนตรีไทยโดยสายเลือดตั้งแต่เด็ก ไม่เพียงแต่แนวทางดนตรีไทยเดิมแบบในวังเท่านั้น ครูเลื่อนยังมีความรู้รอบถึงดนตรีไทยเดิมแบบชาวบ้านดั้งเดิมแท้ๆ ด้วย

“ฉันรับราชการเป็นครูสอนดนตรีไทยมาตั้งแต่รัชกาลที่ 6 จนถึงถึงรัชกาลที่ 9 นี้ก็ยังไปสอนเป็นอาจารย์พิเศษให้บ้านสมเด็จฯ เขาอยู่...” ครูเลื่อนกล่าวด้วยน้ำเสียงแจ่มใสชัดเจน ขณะที่นั่งมองลูกศิษย์ลูกหาขึ้นสายเครื่องดนตรี ฝึกซ้อมอยู่ข้างๆ

วันนี้ในวัยขาดเกินไม่กี่ปีจะครบร้อย ครูเลื่อนยังคงสอนเทคนิคทางดนตรีไทยแก่ลูกศิษย์เป็นประจำ แม้ร่างกายอาจจะไม่เอื้ออำนวยเท่าไรนัก ด้วยว่าดนตรีไทยนั้นคือสิ่งที่เป็นส่วนหนึ่งในชีวิตท่านไปเสียแล้ว

และวันศุกร์ที่ 20 สิงหาคม 2547 เวลา 08.30 - 17.00 น. ครูเลื่อนจะไปเป็นแม่งานจัดแสดงปี่พาทย์ ประชันวงแบบโบราณ เชิดชูคุณูปการพระยาเสนาะดุริยางค์ (แช่ม) ครูดนตรีไทยผู้ใหญ่ในอดีต และเพื่อเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ในวโรกาสที่ทรงเจริญพระชนมพรรษาครบ 6 รอบ ใน วันที่ 12 สิงหาคม 2547 ณ หอประชุมศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร ถนนบรมราชชนนี ตลิ่งชัน กรุงเทพฯ

วินัยย้ำว่าเป็นโอกาสอันดีที่ผู้ที่สนใจดนตรีไทยจะได้เห็นและรับฟังการประชันวงปี่พาทย์แบบโบราณแท้ๆ ซึ่งหาดูได้ยากมากแล้วในปัจจุบัน

ดนตรีสื่อมิตรภาพ

ไม่ใช่เรื่องแปลกที่ในต่างประเทศจะมีนักดนตรีบรรเลงเพลงในสวนสาธารณะหรือริมท้องถนน และมีเพื่อนนักดนตรีคนอื่นๆ มาร่วมแจมเล่นดนตรีด้วยกัน หากแต่ภาพฝรั่งตาน้ำข้าวหิ้วพิณเปี๊ยะหรือพิณอิสานมาขอแจมกับวงดนตรีไทย หรือหนุ่มญี่ปุ่นนั่งติดพื้นเวทีเล่น “ซีต้าร์” เครื่องดนตรีอินเดียอยู่ข้างๆ ขิม ซอ จะเข้ของไทย คงไม่ใช่ภาพที่หาดูได้ง่ายๆ นักในเมืองใหญ่อย่างกรุงเทพฯ

ด้วยเหตุผลว่าดนตรีนั้นเป็นภาษาสากล ดังนั้นแม้จะไม่คุ้นกับทำนองอ้อยส้อยเนิบช้า หรือเสียงขับร้องเพลงไทยเดิม แต่นักท่องเที่ยวชาวต่างชาติหลายคนก็หยุดยืนชมการแสดงของวงชาวเกาะด้วยความสนใจ บางคนจึงอดที่จะเข้าไปขอร่วมเล่นไม่ได้เมื่อได้ยินเสียงเพลง และวินัยก็เห็นว่าเป็นการดีที่ได้แลกเปลี่ยนกัน ที่โดดเด่นก็คือในขณะที่เล่นวินัยจะแปลเนื้อหาบทขับร้องเพลงไทยเดิมบางเพลงเป็นภาษาอังกฤษ เพื่อให้ชาวต่างชาติสามารถเข้าใจเนื้อหาแล้วซาบซึ้งไปกับบทเพลงนั้นได้

“พี่จะอธิบายด้วยว่าศิลปะนั้นเป็นสิ่งสวยงาม เราสามารถที่จะเข้าใจวัฒนธรรมอะไรมากขึ้นก็ด้วยการที่เราจะเข้าใจศิลปการแสดงต่างๆ ถ้าเราสามารถที่จะทำความเข้าในศิลปการแสดงต่างๆ ได้แล้ว โลกเราทุกวันนี้ก็คงไม่มีสงครามเกิดขึ้น”

“คนที่เล่นดนตรีไทยมีเยอะมากในประเทศไทย แต่ถ้าเล่นเพื่อความสนุกสนานและไม่ใช่เพื่อเงินแทบจะไม่มี เราก็เลยอยากจะทำไว้เป็นการรักษาวัฒนธรรมของเรา เป็นการเข้าใจตัวเรามากขึ้น แล้วทำไปพร้อมๆ กันทั้งผู้ดูและผู้เล่น คือถ้าเราเข้าใจคนเดียวแล้วเล่นสนุกคนเดียว คนอื่นเขาก็ไม่สนุกด้วย มันก็ไม่ถือเป็นศิลปการแสดงใช่ไหม ลักษณะงานของพี่ๆ ต้องการจะให้ดนตรีเป็นสื่อ เพื่อที่จะให้เราเข้าใจตัวเราเอง เข้าใจวัฒนธรรมของเรา เราจะได้มีความชอบและมีความภูมิใจ เราเป็นคนไทยเราไม่ต้องอายที่เราเป็นคนไทย ความเป็นไทยมันน่าอายตรงไหน ชาวต่างชาติที่เห็นเขาก็ยังชื่นชม” วินัยว่า

ชีวิตนักดนตรีไทยกับการเมือง

เมื่อก่อนเวลาบรรยายประกอบการแสดง วินัยมักจะสอดแทรกความเห็นด้านการเมือง สังคม ที่เกี่ยวข้องกับสถานการณ์ปัจจุบันในระหว่างการแสดงอยู่เสมอ แต่ในช่วงหลังเขาต้องเพลาๆ เรื่องการเมืองลงไปบ้างด้วยว่าถูกโจมตีจากคนบางกลุ่ม ทั้งที่เขาเห็นว่ามันเป็นสิทธิอันชอบธรรมของเขาในการแสดงความคิดเห็น

“เคยมีคนมาด่าพี่ว่าเล่นดนตรีเพื่อจะมาพูดการเมือง พี่บอกว่าพี่ไม่อยากจะพูดเรื่องการเมือง นี่มันเรื่องการมุ้งของพี่โดยตรงเลย เพราะว่าถ้านักการเมืองทำไม่ดี แล้วประเทศล่มจมนี่ พี่ซวยด้วย...”

เสียงสะท้อนที่มักจะลอยมาเข้าหูสมาชิกในวงชาวเกาะเสมอก็คือ เรื่องที่ว่าวงนี้มีชายไม่แท้มากกว่าชายแท้เสียมาก วินัยบอกว่านั่นไม่ใช่เรื่องสำคัญของวง สิ่งที่สำคัญคือการเล่นดนตรีให้คนฟัง จึงควรดูที่ความสามารถของนักดนตรีเป็นหลัก มากกว่า จะมองว่าเขาเป็นใคร เป็นอย่างไร

“ตอนนี้พี่เลยไม่ยุ่งแล้วการเมือง ใครจะเอายังไงก็เรื่องของเขา เราจะเล่นดนตรีของเรา แล้วอย่ามายุ่งกับเรา ถ้าคุณต้องการจะฟังดนตรีก็แค่มาที่นี่แล้ววงชาวเกาะจะเล่นให้คุณฟัง...”

ในวันนี้วงชาวเกาะได้ร่วมก่อตั้ง “ชมรมประชาชนสืบสานดนตรีไทย” เพื่อเป็นหลักให้ผู้ที่ต้องการเข้ามาร่วมเล่นดนตรีไทยกับวงเข้ามาร่วมได้อย่างอิสระ ซึ่งก็มีแนวโน้มคนสนใจเข้าร่วมมากขึ้น ไม่แน่ว่าในวันหนึ่งข้างหน้าเราอาจจะเห็นวงปี่พาทย์วงใหญ่แสดงในสวนสาธารณะแห่งนี้ไม่น้อยหน้ากว่าวงซิมโฟนีของต่างชาติก็เป็นได้
กำลังโหลดความคิดเห็น