เอเอฟพี - สหประชาชาติเรียกร้องให้มีการสอบสวนหลังการโจมตีโรงพยาบาลในพม่าที่ทำให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 33 คน โดยระบุว่าการโจมตีดังกล่าวอาจเข้าข่ายอาชญากรรมสงคราม
การโจมตีโรงพยาบาลมรัคอู ในรัฐยะไข่ ทางตะวันตกของพม่า เกิดขึ้นเมื่อคืนวันพุธ (10)
ผู้สังเกตการณ์ความขัดแย้งระบุว่ารัฐบาลทหารเพิ่มการโจมตีทางอากาศขึ้นทุกปีนับตั้งแต่สงครามกลางเมืองเริ่มขึ้นหลังจากกองทัพยึดอำนาจในการรัฐประหารในปี 2564 ที่ยุติการปกครองระบอบประชาธิปไตยที่ดำเนินมาได้เพียงทศวรรษ
“ผมรู้สึกตกใจและขอประณามอย่างรุนแรงต่อการโจมตีโรงพยาบาลยะไข่ที่ทำให้พลเรือนเสียชีวิตและบาดเจ็บหลายสิบคน” โวลเคอร์ เติร์ก ข้าหลวงใหญ่สิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ กล่าว
“การโจมตีเช่นนี้อาจเข้าข่ายอาชญากรรมสงคราม ผมขอเรียกร้องให้มีการสอบสวนและนำตัวผู้รับผิดชอบมาลงโทษ การสู้รบต้องหยุดลงทันที” โวลเคอร์ เติร์ก กล่าว
โฆษกของสำนักงานข้าหลวงใหญ่สิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติกล่าวว่าเป็นหน้าที่ของทางการของประเทศที่จะดำเนินการสอบสวน แต่เนื่องจากการลอยนวลพ้นพิษนั้นเกิดขึ้นอย่างแพร่หลายในพม่า จึงจำเป็นต้องใช้วิธีการอื่นๆ ที่จะนำตัวผู้กระทำความผิดมาลงโทษ รวมถึงศาลระหว่างประเทศและเขตอำนาจศาลสากล
ด้านหัวหน้าองค์การอนามัยโลกกล่าวว่า เขารู้สึกตกใจกับการโจมตีโรงพยาบาล ที่เขากล่าวว่าเป็นศูนย์บริการสุขภาพหลักของพื้นที่ ที่ให้บริการฉุกเฉิน สูติกรรม และศัลยกรรม
“มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 33 คน และได้รับบาดเจ็บอีกจำนวนมาก รวมถึงบุคลากรทางการแพทย์ ผู้ป่วย และสมาชิกในครอบครัว โครงสร้างพื้นฐานของโรงพยาบาลได้รับความเสียหายอย่างหนัก ห้องผ่าตัดและหอผู้ป่วยในถูกทำลายอย่างสิ้นเชิง นี่เป็นการโจมตีด้านสุขภาพครั้งที่ 67 ที่องค์การอนามัยโลกประจำพม่าได้ตรวจสอบในปีนี้ การโจมตีต่อระบบการดูแลสุขภาพคือการโจมตีมนุษยชาติ” หัวหน้าหน่วยงานด้านสุขภาพของสหประชาชาติ กล่าว
กองทัพพม่าได้กำหนดวันเลือกตั้งที่จะเริ่มขึ้นตั้งแต่วันที่ 28 ธ.ค. โดยให้คำมั่นว่าการเลือกตั้งครั้งนี้จะเป็นหนทางสู่สันติภาพและประชาธิปไตย
ผู้สังเกตการณ์ระหว่างประเทศและอดีตสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรที่ถูกขับไล่ต่างปฏิเสธการเลือกตั้งนี้ โดยมองว่าเป็นเพียงแผนการเพื่อสร้างภาพลักษณ์ใหม่ให้กับการปกครองของทหารที่ยังดำเนินต่แไป ขณะที่กลุ่มติดอาวุธให้คำมั่นว่าจะขัดขวางการเลือกตั้งจากดินแดนที่พวกเขาควบคุมอยู่
นอกจากนี้ โวลเคอร์ เติร์ก ได้แสดงความกังวลต่อสถานการณ์ในพม่าในช่วงก่อนการเลือกตั้ง
“การเลือกตั้งที่กำลังจะมีขึ้นของพม่ามาพร้อมกับความไม่มั่นคงและความรุนแรงระลอกใหม่ การจับกุมและควบคุมตัวฝ่ายตรงข้ามอย่างต่อเนื่อง การบีบบังคับให้ผู้มีสิทธิเลือกตั้ง การใช้เครื่องมือสอดแนมทางอิเล็กทรอนิกส์ และการเลือกปฏิบัติอย่างเป็นระบบ ผมเกรงว่ากระบวนการนี้จะยิ่งทำให้ความไม่มั่นคง ความหวาดกลัง และความแตกแยกเกิดขึ้นทั่วทั้งประเทศมากยิ่งขึ้น” ข้าหลวงใหญ่สิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ กล่าว.


