MGR ออนไลน์ - พล.ท.หญิง มาลี โสเจียตา โฆษกกระทรวงกลาโหมกัมพูชา กล่าวแถลงข่าวว่าหากประเทศไทยปรารถนาสันติภาพที่แท้จริง ประเทศไทยต้องแสดงความจริงใจและความปรารถนาดี เพราะสันติภาพไม่อาจเกิดได้ด้วยคำพูดเพียงอย่างเดียว แต่ต้องเกิดจากการกระทำที่เป็นรูปธรรม
โฆษกกระทรวงกลาโหมกัมพูชายังกล่าวเสริมว่า ไทยเลือกที่จะใช้การข่มขู่และกำลังโดยไม่คำนึงถึงกฎหมายระหว่างประเทศ ในการดำเนินการรุกรานอย่างต่อเนื่องโดยไม่ต้องรับโทษ หากไม่มีการดำเนินการใดๆ เพื่อให้กองทัพไทยรับผิดชอบต่อการกระทำที่ผิดกฎหมาย สถานการณ์จะยิ่งระดับ
“วันนี้ กองทัพไทยรุกรานกัมพูชา พรุ่งนี้ อาจทำเช่นเดียวกันกับประเทศอื่นที่อ่อนแอกว่าหรือเล็กกว่าตนเอง สิ่งนี้จะส่งผลกระทบอย่างร้ายแรงต่อสันติภาพและความมั่นคงในภูมิภาคทั้งหมด” พล.ท.หญิง มาลี โสเจียตา กล่าว
โฆษกกลาโหมเขมรยังเรียกร้องให้กองทัพไทยยุติการกระทำที่รุกรานทั้งหมดโดยทันที หยุดการเผยแพร่ข้อมูลเท็จที่บิดเบือนความจริง หยุดการโจมตีแบบไม่เลือกเป้าหมาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งต่อพลเรือนและโครงสร้างพื้นฐานของพลเรือน และหยุดการโจมตีที่ทำลายสถานที่ทางประวัติศาสตร์ ที่ไม่เพียงแต่เป็นทรัพย์สินทางวัฒนธรรมที่มีค่าที่สุดของกัมพูชาเท่านั้น แต่ยังเป็นของมวลมนุษยชาติด้วย
นอกจากนี้ เธอยังเรียกร้องให้ประชาคมระหว่างประเทศประณามอย่างรุนแรงต่อการละเมิดปฏิญญาร่วมของไทย และการก่ออาชญากรรมสงครามและกิจกรรมผิดกฎหมายซ้ำๆ ตลอดจนเรียกร้องให้ไทยรับผิดชอบอย่างเต็มที่ต่อการละเมิดอย่างโจ่งแจ้งดังกล่าว
พล.ท.หญิง มาลี ยังย้ำว่า “การป้องกันตนเองของกัมพูชามุ่งเป้าที่ตำแหน่งทางทหารของไทยเท่านั้น ไม่ใช่พื้นที่พลเรือน” พร้อมกับเน้นย้ำว่ากัมพูชายึดมั่นและปฏิบัติตามพันธกรณีทั้งหมดภายใต้กฎหมายระหว่างประเทศ โดยเฉพาะกฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศ
“กัมพูชามุ่งมั่นอย่างแน่วแน่ต่อการเคารพและปฏิบัติตามข้อตกลงหยุดยิง ปฏิญญาร่วมระหว่างกัมพูชาและไทย ตลอดจนข้อตกลงทั้งหมดที่ทั้งสองฝ่ายได้บรรลุไว้ก่อนหน้านี้ ด้วยความรับผิดชอบและความปรารถนาดีอย่างสูงสุด แทนที่จะใช้การรุกรานหรือการใช้กำลัง กัมพูชายึดมั่นในการแก้ไขข้อพิพาทด้วยสันติวิธีตามกฎหมายระหว่างประเทศ สนธิสัญญา อนุสัญญา และข้อตกลงที่มีอยู่ เพื่อแสวงหาทางออกที่เป็นธรรม ยั่งยืน และสอดคล้องกับกฎหมายระหว่างประเทศ” พล.ท.หญิง มาลี กล่าว
กัมพูชาได้เรียกร้องให้ไทยเคารพข้อตกลงหยุดยิงและปฏิญญาร่วมระหว่างกัมพูชาและไทย ที่ลงนามเมื่อวันที่ 26 ต.ค. ภายใต้การเป็นพยานของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐฯ และนายกรัฐมนตรีอันวาร์ อิบราฮิม ของมาเลเซีย ในฐานะประธานหมุนเวียนอาเซียน.


