MGR ออนไลน์ - รัฐบาลทหารพม่ากดดันผู้พลัดถิ่นภายในประเทศ (IDP) ในมัณฑะเลย์และสะกาย ให้ลงคะแนนเสียงล่วงหน้าสำหรับการเลือกตั้งในเดือนธ.ค. และเดือนม.ค. ตามการเปิดเผยของคนในพื้นที่
ทางการอ้างว่าความเคลื่อนไหวดังกล่าวมีจุดประสงค์เพื่อให้แน่ใจว่า “ผู้มีสิทธิเลือกตั้งจะไม่เสียสิทธิของตนในการลงคะแนนเสียง” แต่ในทางปฏิบัติ ครอบครัวผู้พลัดถิ่นระบุว่า พวกเขาถูกบังคับให้ลงชื่อในคำสัญญาและลงคะแนนเสียงล่วงหน้า ภายใต้การข่มขู่คุกคามว่าจะสูญเสียความช่วยเหลือ และที่สำคัญที่สุดคือที่พักพิง
สำนักงานผู้ลี้ภัยของสหประชาชาติระบุว่า มีผู้พลัดถิ่นมากกว่า 1.4 ล้านคนกำลังพักพิงอยู่ใน 2 ภาค
การเลือกตั้งของรัฐบาลทหารพม่าถูกประณามอย่างกว้างขวางว่าเป็นเรื่องหลอกลวงที่ออกแบบมาเพื่อให้การปกครองของทหารยังคงดำเนินต่อไปอย่างชอบธรรม
คณะกรรมการการเลือกตั้งสหภาพ (UEC) ของรัฐบาลทหารได้สั่งให้ผู้มีสิทธิเลือกตั้งที่พลัดถิ่นจากเขตเลือกตั้งของตนใช้สิทธิเลือกตั้งล่วงหน้า ระหว่างวันที่ 25-29 พ.ย. ที่ผ่านมา และผู้บริหารท้องถิ่นและกองกำลังติดอาวุธที่สนับสนุนรัฐบาลทหารได้ระดมกำลังบังคับให้ผู้พลัดถิ่นปฏิบัติตามคำสั่งดังกล่าว ชาวบ้านระบุ
“ในภาคสะกาย เจ้าหน้าที่ประจำเขตและกองกำลังติดอาวุธ Pyu Saw Htee ได้แจ้งให้ผู้พลัดถิ่นทราบว่าพวกเขาต้องลงคะแนนเสียง ผู้ที่ได้รับเงินช่วยเหลือในเดือนก.ย. ถูกบังคับให้ไปใช้สิทธิเลือกตั้งล่วงหน้า” ชาวเมืองสะกาย กล่าว
รายงานระบุว่า เมื่อวันที่ 27 ก.ย. ผู้พลัดถิ่นในภาคสะกายได้รับเงินคนละ 60,000 จ๊าต (ประมาณ 28 ดอลลาร์) สำหรับการช่วยเหลือผู้ลี้ภัยเป็นเวลา 3 เดือน แต่จะต้องลงนามในเอกสารที่ให้คำมั่นสัญญาว่าจะไปใช้สิทธิเลือกตั้ง โดยการมอบเงินนั้นจัดขึ้นในพื้นที่ที่มีกองกำลังติดอาวุธ Pyu Saw Htee เฝ้าอยู่
ครอบครัวผู้พลัดถิ่นต้องรายงานตัวรายสัปดาห์ หรือ 2 ครั้งต่อเดือนกับเจ้าหน้าที่ท้องถิ่นตามกฎหมายการบริหารเขตหรือหมู่บ้าน กฎหมายยุคอาณานิคมที่รัฐบาลทหารนำกลับมาบังคับใช้ใหม่หลังจากการรัฐประหารในปี 2564 ที่ยังกำหนดให้ประชาชนต้องแจ้งเจ้าหน้าที่รัฐในท้องถิ่นเกี่ยวกับแขกที่ค้างคืน และอนุญาตให้เจ้าหน้าที่เข้าไปในอาคารได้โดยไม่ต้องมีหมาย และจับกุมได้ทั้งเจ้าบ้านและแขกหากไม่ปฏิบัติตาม
อดีตนักโทษการเมืองจากภาคสะกายรายหนึ่งกล่าวว่า รัฐบาลทหารกำลังใช้กฎหมายนี้ในทางที่ผิด เพื่อบังคับให้ผู้พลัดถิ่นภายในประเทศลงคะแนนเสียงล่วงหน้า และเจ้าหน้าท่ีรัฐได้ขู่ว่าจะถอนการอนุญาตเข้าพักของพวกเขาหากพวกเขาไม่ลงคะแนนเสียง
เฉพาะเมืองสะกายเมืองเดียว มีครอบครัวพลัดถิ่นหลายหมื่นครอบครัวจากหมู่บ้านกว่า 50 แห่ง ที่ถูกทำลายจากการโจมตีของกองทัพ ผู้ลี้ภัยต้องอาศัยพักพิงตามวัด สำนักชี และบ้านเช่าทั่วเมือง
นอกจากนี้ ยังมีรายงานการขู่บังคับคล้ายกันในเมืองมัณฑะเลย์ ที่รัฐบาลทหารได้ตั้งเงื่อนไขการช่วยเหลือไว้กับการลงคะแนนเสียงเลือกตั้ง
ชาวบ้านรายงานว่าผู้ที่ไม่มีบัตรประจำตัวประชาชนถูกบังคับให้ลงคะแนนเสียงโดยใช้เอกสารชั่วคราวที่ตำรวจท้องถิ่นและเจ้าหน้าที่ออกให้ นักศึกษา ผู้สูงอายุ และผู้ที่ไม่สามารถเดินทางได้ก็ถูกสั่งให้ลงคะแนนเสียงเลือกตั้งล่วงหน้าเช่นกัน
เจ้าหน้าที่บรรเทาทุกข์ประเมินว่าเมืองมัณฑะเลย์ให้ที่พักพิ่งแก่ผู้พลัดถิ่นราว 250,000 คน หลายคนหลบหนีการสู้รบที่เกิดขึ้นในรัฐชาน สะกาย มัณฑะเลย์ และกะฉิ่น ตั้งแต่ปลายปี 2565 ชาวบ้านระบุว่าความช่วยเหลือสำหรับผู้พลัดส่วนใหญ่มาจากชาวบ้านด้วยกันและองค์กรการกุศลในท้องถิ่น.


