รอยเตอร์ - รองนายกรัฐมนตรีบุ่ย แถ่ง เซิน ของเวียดนาม กล่าวว่าเวียดนามกำลังทำงานเพื่อลงนามในข้อตกลงการค้ากับสหรัฐฯ ในเร็วๆ นี้ ขณะที่การเจรจารอบใหม่กำลังดำเนินอยู่ในวอชิงตัน
ในเดือนต.ค. ที่ผ่านมา ทั้งสองประเทศเห็นพ้องกันที่จะสรุปข้อตกลงการค้าภายในไม่กี่สัปดาห์ ที่จะยังคงอัตราภาษีนำเข้าสินค้าจากเวียดนามไว้ที่ 20% แต่จะยกเว้นสินค้าบางรายการซึ่งยังไม่ได้ระบุ
บุ่ย แถ่ง เซิน เรียกร้องให้ภาคธุรกิจของสหรัฐฯ ในการประชุมที่กรุงฮานอย ช่วยเหลือในการเจรจาทวิภาคี เพื่อให้ทั้งสองฝ่ายสามารถลงนามข้อตกลงการค้าที่เป็นธรรมและสมดุลได้ในเร็วๆ นี้
ไมเคิล ดีซอมบรี ผู้ช่วยรัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศฝ่ายกิจการเอเชียตะวันออกและแปซิฟิก กล่าวต่อที่ประชุมผ่านคำแถลงที่บันทึกไว้ว่า ข้อตกลงการค้าดังกล่าวจะช่วยปรับสมดุลการไหลเวียนทางการค้าระหว่างสองประเทศ ซึ่งจะช่วยลดการขาดดุลการค้าของสหรัฐฯ กับฮานอย ที่เป็นประเทศที่สหรัฐฯ ขาดดุลมากที่สุดรองจากจีนและเม็กซิโก
ในช่วง 10 เดือนแรกของปีนี้ เวียดนามมีดุลการค้าเกินดุลกับสหรัฐฯ สูงถึง 111,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ตามข้อมูลของเวียดนาม
คณะผู้แทนของเวียดนามนำโดยรัฐมนตรีกระทรวงพาณิชย์เดินทางไปยังกรุงวอชิงตันในสัปดาห์นี้ เพื่อหารือรอบใหม่กับเจ้าหน้าที่สหรัฐฯ เพื่อสรุปข้อตกลงการค้า
บุคคลที่ได้รับข้อมูลสรุปเกี่ยวกับการหารือระบุว่า การเจรจาจะมุ่งเน้นที่การระบุสินค้าของเวียดนามที่อาจได้รับการยกเว้นภาษีนำเข้าจากสหรัฐฯ เช่น กาแฟ และเกี่ยวกับขอบเขตของสิทธิพิเศษในการเข้าถึงตลาดเวียดนาม ที่ฮานอยได้ให้คำมั่นสำหรับสินค้าของสหรัฐฯ เช่น รถยนต์ และสินค้าเกษตร
เจ้าหน้าที่หลายคนกล่าวว่าผู้เจรจาของเวียดนามมีความต้องการที่จะให้การลงนามข้อตกลงการค้าเกิดขึ้นในการพบหารือระหว่างทรัมป์และโต เลิม ผู้นำสูงสุดของเวียดนาม
บุ่ย แถ่ง เซิน เรียกร้องให้ภาคธุรกิจของสหรัฐฯ สนับสนุนความพยายามของเวียดนามในการจัดการประชุมระดับสูง หลังจากความพยายามที่ผ่านมาไม่ประสบความสำเร็จ
เขายังเรียกร้องให้ภาคธุรกิจของสหรัฐฯ สนับสนุนให้วอชิงตันยอมรับเวียดนามในฐานะเศรษฐกิจแบบตลาด และยกเลิกข้อจำกัดในการส่งออกผลิตภัณฑ์เทคโนโลยีขั้นสูง เช่น เซมิคอนดักเตอร์ขั้นสูง
ดีซอมบรีกล่าวว่าเวียดนามสามารถมีบทบาทในห่วงโซ่อุปทานโลกสำหรับแร่ธาตุสำคัญ เวียดนามมีแหล่งแร่แรร์เอิร์ธและแกลเลียม แต่ยังล่าช้าในการใช้ประโยชน์จากทรัพยากรเหล่านี้.


