xs
xsm
sm
md
lg

ไต้ฝุ่นคัลแมกีขึ้นฝั่งซัดถล่มเวียดนาม หลังคร่าชีวิตผู้คนในฟิลิปปินส์ไป 140 ราย

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



เอเอฟพี - พายุไต้ฝุ่นคัลแมกีพัดขึ้นฝั่งในวันพฤหัสฯ (6) ในพื้นที่ภาคกลางของเวียดนามที่ได้รับผลกระทบจากพายุอยู่ก่อนแล้ว โดยประชาชนหลายพันคนต้องอพยพออกจากพื้นที่ที่อยู่ในเส้นทางพายุไซโคลนที่อันตรายที่สุดลูกหนึ่งในปีนี้

ไต้ฝุ่นคัลแมกีสร้างความเสียหายอย่างหนักทั่วฟิลิปปินส์ในสัปดาห์นี้ โดยทำให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 140 คน และสูญหายอีก 127 คน หลังจากทำให้เกิดน้ำท่วมรุนแรง

กระทรวงสิ่งแวดล้อมของเวียดนามระบุว่าพายุไต้ฝุ่นพัดถล่มภาคกลางของประเทศในช่วงค่ำวันพฤหัสฯ ด้วยความเร็วลมสูงสุด 149 กิโลเมตต่อชั่วโมง และลมกระโชกแรงที่รุนแรงกว่ามาก

“ลมแรงมาก ไม่มีอะไรต้านทานได้” หวู วัน เฮา อายุ 48 ปี กล่าวกับเอเอฟพี ขณะสำรวจเศษกระจกหน้าต่างที่แตกกระจายเนื่องจากพายุในล็อบบี้ของโรงแรมในจ.ซาลาย

“พวกเราที่นี่ไม่เคยเจอลมแรงขนาดนี้มาก่อน มันเป็นภัยพิบัติทางธรรมชาติ เราจะทำอะไรได้?” หวู วัน เฮา กล่าว

พายุไต้ฝุ่นพัดถล่มขณะที่ภาคกลางของเวียดนามยังคงได้รับผลกระทบจากน้ำท่วมนานกว่า 1 สัปดาห์และฝนตกหนักมากเป็นประวัติการณ์ ที่คร่าชีวิตผู้คนไปอย่างน้อย 47 คน และทำให้สถานที่ทางประวัติศาสตร์เก่าแก่หลายศตวรรษจมอยู่ใต้น้ำ

“นี่คือพายุไต้ฝุ่นลูกใหญ่ยักษ์ที่มีกำลังทำลายล้างรุนแรงมาก” ฝ่าม แอ็ง ต่วน เจ้าหน้าที่ระดับสูงประจำจ.ซาลาย กล่าว ที่สื่อของรัฐรายงานว่ามีผู้อพยพมากกว่า 7,000 คน ณ คืนวันพุธ

ในบริเวณพื้นที่ชายฝั่งของจ.ซาลาย ผู้สื่อข่าวของเอเอฟพีเห็นเจ้าหน้าที่เคาะประตูบ้านเตือนประชาชนให้หนีภัยก่อนพายุไต้ฝุ่นจะพัดถล่ม

ผู้สูงอายุและเด็กอยู่ในกลุ่มผู้อพยพยหลายสิบคนที่พักหลบภัยอยู่ในโรงเรียนแห่งหนึ่งในวันพฤหัสฯ

เวียดนามมักได้รับผลกระทบจากพายุไต้ฝุ่นหรือพายุโซนร้อน 10 ลูกต่อปี แต่พายุคัลแมกีถือเป็นพายุลูกที่ 13 ของปีนี้

หลักฐานทางวิทยาศาสตร์แสดงให้เห็นถึงรูปแบบของการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศที่เกิดจากการกระทำของมนุษย์ ที่ทำให้สภาพอากาศรุนแรงเกิดขึ้นบ่อยครั้งและรุนแรงมากยิ่งขึ้น

พายุไต้ฝุ่นคัลแมกีพัดถล่มภาคกลางของฟิลิปปินส์เมื่อวันจันทร์ ซัดถล่มเกาะเซบู และเกาะเนโกรส ก่อนจะกลับลงสู่ทะเล

น้ำท่วมที่ระบุว่าไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนได้ไหลบ่าผ่านเมืองต่างๆ ในจ.เซบู ซัดกวาดรถยนต์ บ้านเรือนริมแม่น้ำ และแม้แต่ตู้คอนเทนเนอร์ขนาดใหญ่หายไป

ลิโลอัน เมืองที่อยู่ใกล้เมืองเซบู ที่มีผู้เสียชีวิต 35 คน ผู้สื่อข่าวของเอเอฟพีระบุว่าเห็นรถยนต์ซ้อนทับกันหลายคันจากน้ำท่วม และหลังคาอาคารถูกลมพัดปลิวหาย ขณะที่ประชาชนพยายามขุดลอกโคลน

ประธานาธิบดีเฟอร์ดินานด์ มาร์กอส ได้ประกาศภาวะภัยพิบัติแห่งชาติ ความเคลื่อนไหวที่อนุญาตให้รัฐบาลปล่อยเงินทุนช่วยเหลือและกำหนดเพดานราคาสินค้าจำเป็นพื้นฐาน

ก่อนที่พายุจะพัดถล่มเวียดนาม โต เลิม ผู้นำสูงสุดของประเทศกล่าวว่าเขาได้ตัดจบการประชุมคณะกรรมการกลางพรรคคอมมิวนิสต์ให้เร็วขึ้น เพื่อให้เจ้าหน้าที่สามารถรีบกลับบ้านไปยังพื้นที่ที่อาจได้รับผลกระทบ

ประชาชนบางส่วนที่อยู่ในเส้นทางพายุต่างพากันขึ้นรถจักรยานยนต์พร้อมกับน้ำ เสื้อผ้า และสิ่งของจำเป็นพื้นฐาน รีบเดินทางออกจากบ้านของพวกเขา

“ตลอดทั้งชีวิตผมเคยเจอพายุไต้ฝุ่นลูกใหญ่ครั้งเดียวในบริเวณนี้ ผมกลัวแค่ฝนตกหนักอาจทำให้น้ำท่วมสูง” ชายวัย 53 ปี กล่าว

โรงเรียนในจ.ซาลาย และจ.กว๋างหงาย ปิดทำการในวันพฤหัสฯ และวันศุกร์ และสนามบินอย่างน้อย 5 แห่งระงับการบริการชั่วคราว ขณะที่เที่ยวบินหลายสิบเที่ยวต้องเปลี่ยนเส้นทาง เจ้าหน้าที่ระบุ

ฝนตกหนักที่เริ่มตั้งแต่ปลายเดือนต.ค. ทำให้เมืองเว้ อดีตเมืองหลวงเก่า และเมืองโบราณฮอยอัน ซึ่งทั้งสองเมืองได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกของยูเนสโก เปียกโชก ถนนกลายเป็นคลอง และบ้านเรือนหลายหมื่นหลังถูกน้ำท่วม

ปริมาณน้ำฝนที่สูงถึง 1.7 เมตรในช่วงเวลา 24 ชั่วโมง ทำลายสถิติของประเทศ

ด้วยมีแนวชายฝั่งยาวมากกว่า 3,200 กิโลเมตร และเครือข่ายแม่น้ำ 2,300 สาย เวียดนามจึงมีความเสี่ยงสูงที่จะเกิดน้ำท่วม

สำนักงานสถิติแห่งชาติระบุว่าภัยพิบัติทางธรรมชาติทำให้มีผู้เสียชีวิตหรือสูญหายไปแล้ว 279 คนในปีนี้ และสร้างความเสียหายมากกว่า 2,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ.














กำลังโหลดความคิดเห็น