เอเอฟพี - เจ้าหน้าที่ไทยเปิดเผยกับสำนักข่าวเอเอฟพีวันนี้ (23) ว่ามีคนมากกว่า 600 คน หลบหนีจากศูนย์หลอกลวงสุดอื้อฉาวของพม่าและข้ามพรมแดนเข้ามาในฝั่งไทย หลังจากกองทัพบุกตรวจค้นศูนย์หลอกลวง
ศูนย์หลอกลวงที่บรรดามิจฉาชีพทางอินเทอร์เน็ตมุ่งเป้าหลอกฉ้อโกงเหยื่อด้วยกลอุบายหลอกให้รักและการลงทุนเฟื่องฟูอยู่ตามพื้นที่ชายแดนของพม่าในช่วงที่ประเทศเกิดสงครามกลางเมืองที่ปะทุขึ้นจากการรัฐประหารในปี 2564
การปราบปรามที่เป็นข่าวโด่งดังเริ่มต้นขึ้นในเดือนก.พ. ทำให้ได้เห็นคนงานในศูนย์หลอกลวงออนไลน์ราว 7,000 คน ถูกส่งตัวกลับประเทศ และไทยได้ตัดสัญญาณอินเทอร์เน็ตข้ามพรมแดน แต่การสืบสวนของเอเอฟพีในเดือนนี้ได้เผยให้เห็นว่าการก่อสร้างยังคงดำเนินต่อไปอย่างรวดเร็วในหลายพื้นที่ ขณะเดียวกันก็พบการติดตั้งเครื่องรับสัญญาณอินเทอร์เน็ตดาวเทียมสตาร์ลิงก์ (Starlink) จำนวนมาก
รองผู้ว่าราชการจังหวัดตาก ที่มีพื้นที่ติดชายแดนพม่าระบุว่า มีคนหลบหนีออกจากศูนย์หลอกลวง หรือที่รู้จักในชื่อเคเคพาร์ก (KK Park) ข้ามแม่น้ำเมยเข้ามาในประเทศไทย 677 คนในเช้าวันพฤหัสฯ (23) ขณะที่ผู้สื่อข่าวของเอเอฟพีรายงานว่าในเช้าวันพฤหัสฯ (23) มีประชาชนกว่า 100 คน รวมตัวกันที่ฝั่งพม่าตรงจุดผ่านแดนหลักที่จะข้ามมาในฝั่งไทย โดยหลายคนถือกระเป๋าเดินทางใบใหญ่และเป้สะพายหลัง
คนขับรถในพื้นที่ที่ขอไม่เปิดเผยชื่อด้วยเหตุผลด้านความปลอดภัยระบุว่ามีคนลักลอบข้ามฝั่งในตอนกลางคืนประมาณ 700 คน
แม้ว่าคนงานของศูนย์หลอกลวงบางคนจะถูกค้ามนุษย์เข้าไปอยู่ในสถานที่ที่มีการรักษาความปลอดภัยอย่างแน่นหนา แต่ผู้เชี่ยวชาญระบุว่าบางคนก็สมัครใจที่จะเดินทางเข้าไปด้วยความหวังว่าจะมีรายได้ในอุตสาหกรรมผิดกฎหมายมูลค่าหลายพันล้านดอลลาร์มากกว่าที่พวกเขาได้รับในประเทศบ้านเกิด
รองผู้ว่าฯ จ.ตาก กล่าวว่าตำรวจตรวจคนเข้าเมืองและกองทัพกำลังทำงานร่วมกันเพื่อให้ความช่วยเหลือตามขั้นตอนด้านมนุษยธรรม ผู้ที่ข้ามแดนเข้ามาจะต้องผ่านกระบวนการคัดกรองเพื่อตรวจสอบว่าเป็นเหยื่อการค้ามนุษย์หรือไม่ หรืออาจถูกดำเนินคดีในข้อหาข้ามพรมแดนผิดกฎหมาย
องค์การบริหารจ.ตากได้ออกคำแถลงระบุว่ากลุ่มคนที่เดินทางเข้ามาจากพม่าประกอบด้วยชาวต่างชาติทั้งชายและหญิง และเจ้าหน้าที่คาดว่าจะมีชาวต่างชาติข้ามเข้ามาในฝั่งไทยเพิ่มอีก
ด้านสำนักข่าวอันทาราของอินโดนีเซียได้รายงานว่า ณ เย็นวันพุธ มีชาวอินโดนีเซียราว 20 คน ข้ามแม่น้ำเมยเข้าสู่ดินแดนไทยได้สำเร็จ ตามการรายงานของสถานทูตอินโดนีเซียประจำย่างกุ้ง ที่อ้างข้อมูลจากทางการไทย
ผู้เชี่ยวชาญระบุว่ากองทัพพม่าปิดหูปิดตาเรื่องศูนย์หลอกลวงออนไลน์มาเป็นเวลานานที่ทำกำไรให้กับกองกำลังติดอาวุธที่เป็นพันธมิตร แต่รัฐบาลทหารเผชิญกับแรงกดดันจากจีนที่เรียกร้องให้ทลายศูนย์หลอกลวง เนื่องจากไม่พอใจที่ชาวจีนจำนวนมากมีส่วนร่วมในศูนย์หลอกลวงและตกเป็นเหยื่อของการหลอกลวงเหล่านี้
อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์มองว่าการปราบปรามศูนย์หลอกลวงของกองทัพพม่าน่าจะเป็นเพียงความพยายามพอเป็นพิธี เพื่อพยายามเอาใจจีนโดยไม่ให้กระทบกับผลกำไร
อุตสาหกรรมหลอกลวงข้ามชาติขยายตัวอย่างรวดเร็วในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ในช่วงไม่กี่ปีมานี้ โดยรายงานของสหประชาชาติระบุว่าในปี 2566 มีเหยื่อถูกหลอกลวงเอาเงินไปมากถึง 37,000 ล้านดอลลาร์ และคาดว่าความเสียหายทั่วโลกน่าจะสูงกว่านี้มาก.


