MGR ออนไลน์ - คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนกัมพูชา (CHRC) ได้ย้ำคำร้องเร่งด่วนของพวกเขาต่อสำนักงานข้าหลวงใหญ่สิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ (OHCHR) เกี่ยวกับการใช้เสียงรบกวนโดยฝ่ายไทยว่าเป็นวิธีการทรมานจิตใจ การข่มขู่ และการคุกคาม ตามพื้นที่แนวชายแดนกัมพูชา-ไทย และเรียกร้องให้มีภารกิจสังเกตการณ์ในพื้นที่โดยเร็วที่สุด
ในจดหมายถึงโวลเคอร์ เติร์ก ข้าหลวงใหญ่สิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ ลงวันที่ 17 ต.ค. แก้ว เรมี ประธาน CHRC ระบุว่า ตามการรายงานของหนังสือพิมพ์รายวันของไทย Khaosod English (วันที่ 17 ต.ค.) ขบวนรถที่ติดตั้งระบบเสียงขนาดใหญ่ได้รวมตัวกันที่บ้านหนองจานเพื่อกระจายเสียงในระหว่างวันที่ 17-19 ต.ค.
ระบบเสียงดังกล่าวมีรายงานว่าสร้างระดับเสียงที่สูงเกินขอบเขตความปลอดภัยของมนุษย์ ซึ่งข้อมูลจากงานวิชาการทางวิทยาศาสตร์ระบุว่าการสัมผัสเสียงดังเกิน 140 เดซิเบล อาจทำให้แก้วหูแตกได้ ขณะที่ระดับเสียงที่สูงกว่า 200 เดซิเบล อาจทำให้เกิดการบาดเจ็บภายในถึงแก่ชีวิตได้ การกระทำใดๆ ที่ก่อให้เกิดเสียงดังเช่นนี้ ถือเป็นการจงใจทำร้ายสุขภาพและศักดิ์ศรีของมนุษย์
“เสียงดังเกินขอบเขตเช่นนี้เป็นภัยคุกคามอย่างร้ายแรงต่อผู้อยู่อาศัยในบ้านโจกเจย รวมทั้งผู้หญิง เด็ก คนชรา ผู้ป่วย และผู้พิการ การกระทำที่เป็นปฏิปักษ์และยั่วยุเหล่านี้เป็นตัวอย่างของแนวทางแบบกฎป่า ที่ละเมิดและเพิกเฉยต่อบรรทัดฐานทางกฎหมายระหว่างประเทศ นอกเหนือจากการเป็นอันตรายต่อความปลอดภัยของบุคคลแล้ว การกระทำเช่นนี้ยังทำลายเสถียรภาพระดับภูมิภาค และบั่นทอนความน่าเชื่อถือและประสิทธิผลของกลไกสิทธิมนุษยชนระหว่างประเทศที่ออกแบบมาเพื่อปกป้องประชากรที่บริสุทธิ์และเปราะบาง” แก้ว เรมี ระบุ
เขายังอ้างว่า แม้แต่บุคคลสาธารณะของไทย ที่รวมถึงสมาชิกวุฒสภา เจ้าหน้าที่บังคับใช้กฎหมาย ที่ปรึกษาฮิวแมนไรท์วอทช์ และผู้นำพรรคการเมือง ยังยอมรับว่าการใช้เสียงที่รบกวนจิตใจเพื่อข่มขู่คุกคามทางจิตใจนั้นเป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชนและกฎหมายระหว่างประเทศอย่างร้ายแรง โดยเฉพาะอย่างยิ่งภายใต้อนุสัญญาว่าด้วยการต่อต้านการทรมานและการปฏิบัติหรือการลงโทษที่โหดร้าย ไร้มนุษยธรรม หรือย่ำยีศักดิ์ศรี (CAT)
“จากที่กล่าวข้างต้น คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนกัมพูชาขอเรียกร้องอย่างเคารพให้สำนักงานข้าหลวงใหญ่สิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติดำเนินมาตรการอย่างทันท่วงทีและเป็นรูปธรรม ที่รวมถึงการส่งคณะสังเกตการณ์ลงพื้นที่ชายแดนกัมพูชา-ไทย ที่มีรายงานการละเมิดสิทธิมนุษยชนอย่างร้ายแรงโดยเร็วที่สุด” แก้ว เรมี ระบุ
ประธาน CHRC ยังเน้นย้ำว่า การขาดการดำเนินการที่ทันท่วงทีและเป็นรูปธรรม อาจทำให้ถูกตีความว่าเป็นการยอมรับหรือเพิกเฉยต่อการละเมิดสิทธิมนุษยชนและกฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศอย่างร้ายแรง การไม่ดำเนินการเช่นนี้อาจเสี่ยงต่อการสร้างบรรทัดฐานที่อันตรายของการไม่ถูกลงโทษ ที่จะบั่นทอนความน่าเชื่อถือและประสิทธิผลของระบบปกป้องสิทธิมนุษยชนระหว่างประเทศ
“กัมพูชาตั้งใจงดเว้นมาตรการตอบโต้ แม้จะมีการยั่วยุต่อเนื่อง เพื่อแสดงความเคารพอย่างลึกซึ้งต่อกลไกระหว่างประเทศและความมุ่งมั่นอย่างหนักแน่นต่อหลักนิติธรรม โดยตระหนักว่าการยกระดับใดๆ ก็ตามจะเป็นอันตรายต่อพลเรือนของทั้งสองฝ่าย โดยเฉพาะอย่างยิ่งสิทธิขั้นพื้นฐานในการมีชีวิตและความมั่นคง” แก้ว เรมี ระบุ
ประธาน CHRC ยังสรุปในจดหมายยืนยันถึงความมุ่งมั่นของคณะกรรการสิทธิมนุษยชนกัมพูชาที่จะร่วมมือกับสำนักงานข้าหลวงใหญ่สิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติในการแก้ไขปัญหาร้ายแรงนี้ และปกป้องสิทธิมนุษยชนของพลเรือนผู้บริสุทธิ์ตามแนวชายแดนกัมพูชา-ไทย.