เอพี - เจ้าหน้าที่ระดับสูงของกระทรวงมหาดไทยกัมพูชากล่าวว่ากระทรวงจะให้ความร่วมมือกับเกาหลีใต้ในคดีการเสียชีวิตของนักศึกษาชาวเกาหลีใต้ที่ถูกกล่าวหาว่าถูกลักพาตัวและทรมานโดยแก๊งอาชญากรในกัมพูชา
ศพของพัค มินโฮ อายุ 22 ปี ถูกพบในเดือนส.ค. ในรถกระบะใกล้ภูเขาโบร์กอ ทางตอนใต้ของจ.กำปอต เจ้าหน้าที่กล่าวว่าเขาเสียชีวิตจากภาวะหัวใจหยุดเต้นหลังจากถูกทรมานและทุบตี
สื่อเกาหลีใต้รายงานว่า นักศึกษารายนี้ได้บอกกับครอบครัวว่าจะเดินทางมากัมพูชาเพื่อชมนิทรรศการในเดือนก.ค. ไม่นานหลังจากเดินทางมาถึง เขาถูกแก๊งอาชญากรลักพาตัวและเรียกค่าไถ่ 35,000 ดอลลาร์
เมื่อวันพุธ (15) กระทรวงการต่างประเทศเกาหลีใต้ได้ออกคำสั่งห้ามพลเมืองเดินทางเข้าพื้นที่บางส่วนของกัมพูชา รวมถึงภูเขาโบร์กอ ในจ.กำปอต เมืองบาเวต และเมืองปอยเปต ที่อยู่ติดกับชายแดนเวียดนามและไทย
ความเคลื่อนไหวดังกล่าวเกิดขึ้นหลังจากที่จำนวนคดีที่เกี่ยวข้องกับชาวเกาหลีใต้เพิ่มสูงขึ้น ซึ่งก่อให้เกิดความกังวลเพิ่มยิ่งขึ้นเกี่ยวกับอาชญากรรมข้ามพรมแดนและความร่วมมือด้านการบังคับใช้กฎหมายที่อ่อนแอระหว่างกัมพูชาและเกาหลีใต้ ทางการกรุงโซลได้ผลักดันความร่วมมือที่เข้มแข็งขึ้นเพื่อจัดการกับคดีหลอกลวงทางออนไลน์ การลักพาตัว และความรุนแรงที่มุ่งเป้าชาวเกาหลี
สำนักงานตำรวจแห่งชาติของกัมพูชากล่าวเมื่อวันจันทร์ (13) ว่า ชายชาวจีน 3 คน ถูกตั้งข้อหาฆาตกรรมและฉ้อโกงออนไลน์ และตำรวจกำลังค้นหาผู้สมรู้ร่วมคิดเป็นชายชาวจีนอีก 2 คน
ทัช โสคัก โฆษกกระทรวงมหาดไทยกัมพูชากล่าวว่าเจ้าหน้าที่จะทำงานร่วมกับรัฐบาลเกาหลีใต้ในการป้องกันอาชญากรรมต่างๆ รวมถึงการหลอกลวงและการพนันนออนไลน์
เขากล่าวว่ามีชาวเกาหลีใต้อย่างน้อย 80 คน ถูกช่วยเหลือและอยู่ภายใต้การคุ้มครองของตำรวจหลังจากการปราบปรามอาชญากรหลอกลวงทางไซเบอร์เมื่อไม่นานนี้
เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว เจ้าหน้าที่ยังได้จับกุมผู้ต้องสงสัย 80 คน จาก 7 สัญชาติ ที่ส่วนใหญ่เป็นชาวจีน ระหว่างการปราบปรามปฏิบัติการฉ้อโกงออนไลน์ขนาดใหญ่ที่อาคารหลังหนึ่งในกรุงพนมเปญ
ซาร์ โสคา รัฐมนตรีกระทรวงมหาดไทย กล่าวเมื่อต้นเดือนว่ามีชาวต่างชาติอย่างน้อย 15,000 คน ที่เกี่ยวข้องกับอาชญากรรมออนไลน์ถูกเนรเทศออกจากกัมพูชาในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา
สหประชาชาติและหน่วยงานอื่นๆ ประเมินว่าการหลอกลวงทางไซเบอร์ ที่ส่วนใหญ่มีต้นตอจากเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ สร้างรายได้หลายพันล้านดอลลาร์ให้กับแก๊งอาชญากรข้ามชาติในแต่ละปี อาชญากรไซเบอร์เหล่านี้แสร้งทำเป็นมิตรหรือหลอกเหยื่อให้ลงทุนเพื่อโกงจากทั่วโลก
รัฐบาลสหรัฐฯ ได้ยึดบิตคอยน์มูลค่ากว่า 1.4 หมื่นล้านดอลลาร์ และตั้งข้อหาผู้ก่อตั้งกลุ่มบริษัทสัญชาติกัมพูชาในการหลอกลวงสกุลเงินดิจิทัลครั้งใหญ่ โดยกล่าวหาว่าเขาและผู้สมรู้ร่วมคิดที่ยังไม่เปิดเผยชื่อ ใช้ประโยชน์จากแรงงานที่ถูกบังคับให้หลอกลวงผู้ลงทุน
ในคำฟ้องที่เปิดเผยเมื่อวันอังคารที่ผ่านมา กลุ่มอัยการของรัฐบาลกลางสหรัฐฯ ได้ตั้งข้อหากับ เฉิน จื้อ ประธานบริษัท Prince Holding Group ในข้อหาสมรู้ร่วมคิดฉ้อโกงทางโทรศัพท์และฟอกเงิน
ผู้ช่วยอัยการสูงสุดระบุว่าเฉินคือผู้วางแผนเบื้องหลังอาณาจักรฉ้อโกงทางไซเบอร์ที่แผ่ขยายอย่างกว้างขวาง ขณะที่อัยการสหรัฐฯ อีกคนหนึ่งเรียกเหตุการณ์นี้ว่าเป็นหนึ่งในปฏิบัติการฉ้อโกงการลงทุนครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์.