MGR ออนไลน์ - สื่อญี่ปุ่นรายงานว่าบริษัทญี่ปุ่นกำลังร้องเรียนกันมากขึ้นเกี่ยวกับต้นทุนโลจิสติกส์ที่พุ่งสูงขึ้นเกือบ 3 เท่า จากการปิดพรมแดนทางบกระหว่างกัมพูชาและไทย
นับตั้งแต่ทศวรรษ 1990 บริษัทญี่ปุ่นหลายแห่งโดยเฉพาะอุตสาหกรรมยานยนต์ได้ขยายกิจการเข้ามาในไทย หลังจากที่ค่าแรงในญี่ปุ่นเริ่มพุ่งสูง จากนั้นไทยค่อยๆ ได้รับชื่อเสียงในฐานะจุดหมายปลายทางหลักสำหรับการลงทุนจากบริษัทญี่ปุ่น ที่มีส่วนสำคัญต่อเศรษฐกิจไทย
แต่ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมานี้ ไทยกำลังเผชิญกับปัญหาต่างๆ เช่น ต้นทุนค่าแรงที่สูงขึ้นและการบริโภคที่ซบเซาเนื่องจากอัตราการเกิดที่ลดลงและประชากรสูงอายุ รายงานที่เผยแพร่ทางเว็บไซต์ของสำนักข่าวนิกเกอิระบุ
“เพื่อแก้ไขปัญหาเหล่านี้ บริษัทต่างๆ ได้ย้ายฐานการผลิตบางส่วนจากไทยไปยังกัมพูชา หรือใช้ไทยเป็นฐานในการเข้าสู่ตลาดกัมพูชา แนวทางนี้จึงเป็นที่รู้จักในชื่อ Thailand-Plus-One” รายงานระบุ
บริษัท Yazaki Corporation เป็นหนึ่งในบริษัทแรกๆ จากญี่ปุ่นที่เริ่มต้นสำรวจเส้นทาง Thailand-Plus-One
“เป็นเวลากว่า 60 ปี นับตั้งแต่ Yazaki Corporation ได้ตั้งฐานต่างประเทศแห่งแรกในไทย บริษัทที่มีผลิตภัณฑ์หลักคือชุดสายไฟ จำเป็นต้องใช้แรงงานจำนวนมาก ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา บริษัทได้วางระบบการผลิตที่ครอบคลุมทั้งไทยและกัมพูชา” บริษัท Yazaki Corporation ระบุ
“ความเคลื่อนไหวดังกล่าวช่วยให้บริษัทยังรักษาความสามารถในการแข่งขันได้จากการจัดการงานประกอบที่ใช้แรงงานเป็นหลักในกัมพูชา ซึ่งมีต้นทุนแรงงานต่ำกว่า” บริษัทระบุ
ชิ้นส่วนรถยนต์ที่ผลิตในภาคตะวันออกของไทยถูกขนส่งไปยังกัมพูชา ประกอบเป็นผลิตภัณฑ์แล้วส่งกลับมาไทยเพื่อส่งมอบให้กับผู้ผลิตรถยนต์ญี่ปุ่น และในตอนนี้ กระบวนการผลิตได้รับผลกระทบอย่างหนักจากความขัดแย้งชายแดน
เมื่อการขนส่งทางบกถูกตัดขาดเนื่องจากการปิดพรมแดนเมื่อปลายเดือนมิ.ย. บริษัทได้ใช้การขนส่งทางอากาศเป็นมาตรการฉุกเฉิน แต่นับตั้งแต่เดือนส.ค. บริษัทได้ใช้การขนส่งทางทะเลผ่านท่าเรือสีหนุวิลล์ในภาคใต้ของกัมพูชา ซึ่งอยู่ห่างจากโรงงานราว 250 กิโลเมตร รายงานระบุ
การขนส่งสินค้าระหว่างบริษัทในกัมพูชาและไทยใช้เวลา 2 วันโดยการขนส่งทางบกด้วยรถบรรทุก แต่ปัจจุบันใช้เวลา 10 วันทางทะเล
“แม้ว่าไทยจะอยู่ห่างจากโรงงานของเราที่เกาะกงเพียงนิดเดียว แต่เราต้องเปลี่ยนไปใช้เส้นทางที่อ้อมไกลขึ้น ซึ่งมันไม่สมเหตุสมผล แต่เราก็ต้องดำเนินการตามความรับผิดชอบในการจัดหาสินค้าไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม” ฮิโรชิกะ ซูซูกิ หัวหน้าบริษัทในเครือของ Yazaki Corporation ในไทยและกัมพูชา กล่าว
เช่นเดียวกับบริษัท Yazaki Corporation ยังมีบริษัท MinebeaMitsumi, Sumitomo Wiring Systems, และ Denso Corporation ที่ดำเนินกิจกรรมการผลิตทั้งในไทยและกัมพูชาเช่นกัน แต่ทั้งหมดถูกบังคับให้ต้องปรับโครงสร้างห่วงโซ่อุปทานเนื่องจากการปิดพรมแดน
เกี่ยวกับต้นทุนโลจิสติกส์ที่สูงขึ้นนั้นกำลังเป็นภาระสำหรับบริษัทต่างๆ สึโยชิ เอกะชิระ ประธานบริษัทโลจิสติกส์ JMG ที่ตั้งขึ้นในกัมพูชาในปี 2564 ระบุว่า ต้นทุนเหล่านี้เพิ่มขึ้น 2-3 เท่า และนอกจากต้นทุนการขนส่งที่สูงขึ้นแล้ว เขายังระบุว่ากระแสเงินสดแย่ลงเนื่องจากปริมาณสินค้าคงคลังมีจำนวนเพิ่มมากขึ้นยังเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้
เอกะชิระกล่าวกับสำนักข่าวนิกเกอิว่า เขาเชื่อว่ากิจการขนาดเล็กและขนาดกลางบางแห่งที่ไม่มีความแข็งแกร่งทางการเงินในการบริหารจัดการ จะถูกบังคับให้ต้องตัดสินใจถอนตัวออกจากกัมพูชา.