MGR Online - "สอนไซ สีพันดอน"นายกรัฐมนตรีลาว เดินทางไปอเมริกาเจรจาลดภาษีตอบโต้จากรัฐบาลทรัมป์ด้วยตนเอง ยกกรณีระเบิดตกค้างและการค้นหาร่างทหารอเมกันที่สูญหายในช่วงสงครามเวียดนาม เป็นเงื่อนไขจูงใจ
วานนี้ (4 ต.ค.) สื่อทางการของ สปป.ลาว ได้รายงานการเดินทางไปเยือนสหรัฐอเมริกาของนายสอนไซ สีพันดอน นายกรัฐมนตรี และคณะ เพื่อเจรจาเรื่องกำแพงภาษีต่างตอบแทนที่รัฐบาลของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ได้เรียกเก็บจากสินค้าของลาวในอัตรา 40% ซึ่งมีผลตั้งแต่วันที่ 1 สิงหาคม 2568
นายสอนไซเดินทางไปยังกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. สหรัฐอเมริกา ระหว่างวันที่ 27-30 กันยายนที่ผ่านมา และได้เข้าพบกับนายเจมิสัน กรีเออร์ ผู้แทนการค้าสหรัฐ ตัวแทน 2 ฝ่ายได้ประชุมร่วมกันเพื่อเจรจาต่อรองให้มีการลดอัตราภาษีที่สหรัฐอเมริกาเรียกเก็บจากลาวถึง 40% เท่ากับเมียนมา ซึ่งเป็นอัตราที่สูงที่สุดในกลุ่มประเทศอาเซียน และสูงกว่าประเทศในกลุ่ม CLV ด้วยกันอย่างกัมพูชาที่ถูกเรียกเก็บ 19% และเวียดนาม 20%
ตามรายงานของสำนักข่าวสารประเทศลาว ระบุว่านายสอนไซได้พูดคุยกับนายเจมิสัน กรีเออร์อย่างตรงไปตรงมา เพื่อหาหนทางแก้ไขปัญหาดังกล่าว โดยรัฐบาลลาวมีเจตจำนงที่จะขยายความสัมพันธ์และความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการค้ากับสหรัฐอเมริกาบนพื้นฐานที่ทั้ง 2 ฝ่ายต่างได้รับผลประโยชน์ร่วมกัน เพราะลาวเป็นเพียงประเทศเล็กๆ ไม่มีชายแดนติดทะเล และมีเป้าหมายที่จะพ้นจากสภาพการเป็นประเทศด้อยพัฒนาในอนาคต จึงให้ความสำคัญกับความร่วมมือทางการค้า การลงทุนกับทุกประเทศ
สำนักข่าวสารประเทศลาว รายงานว่า ประเด็นที่นายสอนไซยกขึ้นมาเป็นเงื่อนไขจูงใจ คือ ความร่วมมือในการค้นหาร่างของทหารสหรัฐอเมริกาที่สูญหายไปในช่วงสงครามเวียดนามในดินแดนลาว (MIA) การเก็บกู้ระเบิดตกค้างที่ยังไม่ระเบิด (UXO) รวมถึงการจัดส่งคนเชื้อชาติลาวกลับคืนประเทศ
นอกจากนี้ ยังมีการเสนอบางมาตรการที่รัฐบาลลาวพร้อมดำเนินการ เช่น การลดภาษีนำเข้าสินค้าจากสหรัฐอเมริกาที่ส่งเข้ามายังลาว และปรับปรุงมาตรการกีดกันการค้าที่ไม่ใช่ภาษี อย่างไรก็ตาม เนื้อหาที่นำเสนอในสื่อทางการของรัฐบาลลาว ไม่ได้บอกถึงรายละเอียดเกี่ยวกับเรื่องนี้
ตามข่าวของสำนักข่าวสารประเทศลาว ระบุว่า ผู้แทนการค้าของสหรัฐอเมริกาแสดงความพึงพอใจในการเจรจา โดยเฉพาะการที่นายกรัฐมนตรีของลาวเดินทางมาเจรจาด้วยตนเอง