MGR ออนไลน์ - ฮุนเซน ประธานพฤฒสภา (สภาสูง) ของกัมพูชา ได้แสดงความเห็นตอบโต้การยืนยันการปิดด่านของไทย โดยย้ำถึงจุดยืนที่หนักแน่นของรัฐบาลกัมพูชา พร้อมทั้งเน้นย้ำถึงเสถียรภาพของตลาด การเติบโตของอุตสาหกรรมภายในประเทศ และผลเชิงบวกต่อการพัฒนาเศรษฐกิจท้องถิ่น
สำนักข่าวขแมร์ไทม์รายงานว่าฮุนเซนได้เขียนข้อความบนเฟซบุ๊กเพื่อชี้แจงจุดยืนของกัมพูชาว่า นับตั้งแต่กองทัพไทยปิดด่านพรมแดนเพียงฝ่ายเดียว กัมพูชาไม่เคยร้องขอให้เปิดด่านอีกครั้ง กัมพูชาเพียงแต่แจ้งให้ฝ่ายไทยทราบว่า เมื่อไทยเป็นฝ่ายปิด ก็ควรต้องเป็นฝ่ายเปิดเอง ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องเจรจากับกัมพูชาเกี่ยวกับการเปิดด่าน แต่เมื่อไทยเปิดด่านแล้ว กัมพูชาจะเปิดตามหลังใน 5 ชั่วโมงต่อมา
ฮุนเซนยังระบุว่าจุดยืนของกัมพูชาดังกล่าวจะมั่นคงไม่เปลี่ยนแปลง และย้ำว่ากัมพูชาจะไม่ลดตัวขอร้องให้ไทยเปิดด่าน และถึงแม้ไทยตัดสินใจที่จะปิดด่านต่อไปอีก 100 ปี กัมพูชาก็จะไม่ล่มสลาย
“ผมควรแสดงความขอบคุณต่อประเทศไทย ที่การปิดด่านฝ่ายเดียวของไทยทำให้การนำเข้าสินค้าไทยถูกขัดขวาง ซึ่งทำให้สินค้าภายในประเทศของกัมพูชาเติบโตขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ ประชาชนชาวกัมพูชาที่รักประเทศชาติได้รวมตัวกันสนับสนุนและบริโภคสินค้าที่ผลิตในประเทศ ที่จะนำไปสู่การพัฒนาเศรษฐกิจในระยะยาว” ฮุนเซน กล่าว
“กว่า 3 เดือนที่ไม่มีการนำเข้าจากไทย ตลาดของกัมพูชายังคงมีเสถียรภาพ มีอุปทานเพียงพอและอัตราเงินเฟ้อต่ำ ในแง่ของเศรษฐกิจมหภาค การบริหารจัดการเศรษฐกิจมีประสิทธิภาพ” อดีตผู้นำกัมพูชา กล่าวเสริม
เมื่อวันที่ 22 ก.ย. สื่อสหรัฐฯ เดอะดิโพลแมต (The Diplomat) รายงานว่าผู้บัญชาการทหารของไทยได้ลงมติปิดพรมแดนระหว่างสองประเทศต่อไปอย่างไม่มีกำหนด หลังจากการปะทะกันระหว่างทหารไทยและชาวบ้านกัมพูชาที่บ้านหนองหญ้าแก้ว เมื่อวันที่ 17 ก.ย.
ทั้งนี้ รายงานระบุว่าการปิดด่านพรมแดนเพียงฝ่ายเดียวเช่นนี้ไม่ใช่เรื่องใหม่ โดยระบุว่าไทยได้กำหนดข้อจำกัดครั้งแรกเมื่อวันที่ 24 มิ.ย. เพื่อกดดันรัฐบาลกัมพูชาให้ปฏิบัติตามเงื่อนไขที่ฝ่ายไทยกำหนด
ดุช ดาริน นักเศรษฐศาสตร์ให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าวขแมร์ไทม์สว่า กัมพูชาใช้กลยุทธ์ที่แข็งแกร่งเพื่อรักษาห่วงโซ่อุปทาน โดยระบุว่าอัตราเงินเฟ้อจากเดือนพ.ค. ถึงเดือนส.ค. ในปีนี้ ยังคงอยู่ในระดับต่ำและสามารถจัดการได้
“อัตราเงินเฟ้อในเดือนพ.ค. อยู่ที่ 1.10% ในเดือนมิ.ย. 1.59% เดือนก.ค. 1.66% และเดือนส.ค. 1.79% ตัวเลขเหล่านี้สะท้อนให้เห็นว่ากัมพูชาสามารถรักษาระดับราคาสินค้าให้อยู่ในระดับต่ำได้ แม้จะไม่มีสินค้าไทย” ดุช ดาริน ระบุ
นักเศรษฐศาสตร์รายนี้ยังอธิบายว่าความสำเร็จดังกล่าวเกิดจากความต้องกรสินค้าท้องถิ่นที่เพิ่มขึ้น รวมถึงการขยายตัวทางการค้ากับประเทศคู่ค้าต่างๆ เช่น สหรัฐฯ สหภาพยุโรป จีน เกาหลีใต้ ญี่ปุ่น ออสเตรเลีย และประเทศสมาชิกอาเซียนอื่นๆ โดยมีเป้าหมายเพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคและรักษาความสามารถในการแข่งขันของสินค้าภายในประเทศ
“ผมเชื่อว่าการปิดด่านชายแดนจะช่วยให้กัมพูชาสามารถปรับปรุงอุตสาหกรรมภายในประเทศของตนเองและสร้างโอกาสการจ้างงานมากมายให้กับประชาชน เมื่อผลิตภัณฑ์ของเราได้รับการส่งเสริม ก็จะเป็นประโยชน์ต่อทั้งเกษตรกรและบริษัทท้องถิ่น” ดุช ดาริน ระบุ.