รอยเตอร์ - นายกรัฐมนตรีของเวียดนามได้เรียกร้องให้เพิ่มการสร้างบ้านเพื่อควบคุมราคาอสังหาริมทรัพย์ที่พุ่งสูงขึ้น โดยระบุว่าประชาชนจำนวนมากไม่สามารถหาซื้ออสังหาริมทรัพย์ได้อีกต่อไป
“ประชาชนจำนวนมากต้องการที่อยู่อาศัย แต่พวกเขาไม่สามารถซื้อได้เนื่องจากราคาสูง” สถานีโทรทัศน์ VTV รายงานอ้างคำกล่าวของนายกรัฐมนตรีฝ่าม มีง จีง ระหว่างการประชุมในกรุงฮานอย
ราคาอพาร์ทเม้นต์ในเมืองใหญ่ต่างๆ ของประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้แห่งนี้ รวมทั้งกรุงฮานอยและนครโฮจิมินห์ เพิ่มขึ้น 5.6% ในปีนี้ สู่ระดับค่าเฉลี่ยที่ 80 ล้านด่งต่อตารางเมตร (3,028 ดอลลาร์ หรือ 96,475 บาท) ตามข้อมูลของรัฐบาล
ข้อมูลจากสำนักงานสถิติแห่งชาติระบุว่า เงินเดือนเฉลี่ยต่อปีของแรงงานชาวเวียดนามในปัจจุบันอยู่ที่ 98.4 ล้านด่ง (ประมาณ 118,670 บาท)
นักเศรษฐศาสตร์เตือนถึงความเสี่ยงของฟองสบู่อสังหาริมทรัพย์ รวมถึงภาคอสังหาริมทรัพย์ เนื่องจากรัฐบาลส่งเสริมการใช้จ่ายฟุ่มเฟือยทางเครดิตเพื่อพยุงการเติบโตทางเศรษฐกิจที่รวดเร็วของประเทศ
ในการประชุมดังกล่าว นายกฯจีง ได้ให้คำมั่นว่าจะลดต้นทุนและลดความซับซ้อนของขั้นตอนการบริหารสำหรับผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ เขายังเรียกร้องให้ธนาคารกลางกำหนดนโยบายเสนอสินเชื่อสำหรับอสังหาริมทรัพย์ด้วยอัตราดอกเบี้ยที่เหมาะสม คำแถลงของรัฐบาลระบุ
นอกจากนี้ เขายังเรียกร้องให้เมืองและจังหวัดต่างๆ เร่งพัฒนาโครงการเคหะสังคมที่ได้รับเงินทุนสนับสนุนจากสินเชื่อที่มีอัตราดอกเบี้ยต่ำและออกแบบมาเพื่อรองรับผู้มีรายได้น้อย
“การดำเนินนโยบายที่อยู่อาศัยอย่างเหมาะสมและการพัฒนาตลาดอสังหาริมทรัพย์จะช่วยส่งเสริมการเติบโตทางเศรษฐกิจที่รวดเร็วและยั่งยืนของประเทศ พร้อมกับควบคุมอัตราเงินเฟ้อ” นายกฯ จีง กล่าว
เวียดนามตั้งเป้าที่จะรักษาอัตราเงินเฟ้อให้อยู่ในช่วง 4.5-5.0% ในปีนี้
สำนักงานสถิติแห่งชาติระบุว่าราคาผู้บริโภคในเดือนส.ค. เพิ่มขึ้น 3.24% จากปีก่อนหน้า ส่วนค่าเช่าและราคาวัสดุก่อสร้างเพิ่มขึ้น 6.99%
ผู้นำเวียดนามกล่าวว่าธนาคารได้ปล่อยสินเชื่อให้กับตลาดอสังหาริมทรัพย์เพิ่มขึ้นเมื่อเร็วๆ นี้ และเสริมว่าสินเชื่อด้อยคุณภาพอยู่ภายใต้การควบคุม.