MGR ออนไลน์ - โรธ สันติเพียบ นักวิเคราะห์ภูมิรัฐศาสตร์ชาวกัมพูชาที่ประจำอยู่ในกรุงพนมเปญ ได้เขียนบทความแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับสถานการณ์ความขัดแย้งบริเวณชายแดนกัมพูชา-ไทย โดยระบุว่า กองทัพไทยดำเนินการรุกรานกัมพูชาอย่างเป็นระบบมาเป็นเวลาหลายสัปดาห์ ทั้งรุกรานข้ามพรมแดน ข่มขู่คุกคามพลเรือนด้วยอาวุธ และละเมิดข้อตกลงหยุดยิงที่ทั้งสองประเทศได้ให้คำมั่นภายใต้กรอบอาเซียน แต่ไทยกลับปกปิดการกระทำดังกล่าวด้วยการปฏิเสธและโฆษณาชวนเชื่อ ในขณะที่โลกกำลังจับตามองและความจริงถูกเปิดเผยแล้ว
นักวิเคราะห์รายนี้ระบุว่า ที่หมู่บ้านเปรยจันและหมู่บ้านอื่นๆ ในกัมพูชา กองกำลังทหารของไทยได้ข้ามเข้ามาในดินแดนของกัมพูชา พร้อมโล่ กระบอง และอาวุธอื่นๆ และเข้าสลายชาวบ้านที่ไม่มีอาวุธด้วยแก๊สน้ำตาและกำลัง เขากล่าวว่าสิ่งเหล่านี้ไม่ใช่ความเข้าใจผิด แต่เป็นการยั่วยุโดยเจตนา ไทยละเมิดข้อตกลงที่ทำขึ้นในการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไปเมื่อวันที่ 7 ส.ค. และ 10 ก.ย. ที่ห้ามไม่ให้มีการเคลื่อนกำลังพลและการกระทำยั่วยุใดๆ ซึ่งเขาอ้างว่าฝ่ายกัมพูชาปฏิบัติตามข้อตกลงเหล่านั้น
นอกจากนี้ เขายังระบุว่าการรุกรานดังกล่าวมาพร้อมกับการเผยแพร่ข้อมูลบิดเบือนที่ออกแบบมาเพื่อสร้างความสับสนให้กับความคิดเห็นระหว่างประเทศ โดยระบุว่าสื่อไทยที่เชื่อมโยงกับกองทัพพยายามสร้างภาพให้กัมพูชาเป็นผู้รุกราน เขากล่าวว่าโรงงานผลิตข่าวปลอมเหล่านี้พยายามลบความทุกข์ยากของชาวบ้านกัมพูชาและโยนความผิดให้กับเหยื่อของการรุกรานของไทย
เขากล่าวว่ากลยุทธ์ดังกล่าวอาจได้ผลเมื่อหลายสิบปีก่อน แต่ไม่ใช่ในปัจจุบัน ที่ในยุคดิจิทัล ทั้งภาพถ่าย วิดีโอ และคำให้การของพยานบุคคลถูกเผยแพร่ไปทั่วโลกแบบเรียลไทม์ และว่าไทยไม่สามารถหลบซ่อนอยู่หลังเรื่องเล่าที่ถูกสร้างขึ้นได้
ในบทความความคิดเห็นที่เผยแพร่ในเว็บไซต์พนมเปญโพสต์ยังระบุว่า นายพลไทยที่รับผิดชอบการรุกรานเหล่านี้ควรถูกระบุชื่อ และว่าพฤติกรรมเหล่านี้ไม่เพียงแต่เป็นอันตรายต่อชีวิตชาวกัมพูชาเท่านั้น แต่ยังเสี่ยงต่อการทำลายเสถียรภาพทั่วภูมิภาค เขาย้ำว่าการที่รัฐบาลไทยปฏิเสธที่จะควบคุมนายพล แสดงให้เห็นถึงปัญหาที่ลึกซึ้งกว่า คือผู้นำของไทยดูเหมือนเต็มใจที่จะสละสันติภาพของอาเซียนเพื่อการขยายอำนาจหรืออิทธิพลของรัฐผ่านกำลังทหารและการคำนวณทางการเมืองภายในประเทศ
โรธ สันติเพียบระบุว่า ในทางตรงข้าม กัมพูชาดำเนินการด้วยความอดทนและความรับผิดชอบ นายกรัฐมนตรีฮุน มาเนต ได้เรียกร้องให้มีการเจรจา ความยับยั้งชั่งใจ และเคารพหลักการของอาเซียน เขาระบุว่ากัมพูชาไม่ได้สนใจที่จะยกระดับความตึงเครียด แต่สิ่งที่กัมพูชาต้องการคือการเคารพอธิปไตย การยึดมั่นในกฎหมายระหว่างประเทศ และการคุ้มครองพลเรือน
นักวิเคราะห์รายนี้ระบุว่าการรุกรานของไทยไม่ใช่ความเข้าใจผิดทวิภาคี แต่เป็นการละเมิดบูรณภาพแห่งดินแดนของกัมพูชา และเป็นภัยคุกคามต่อความน่าเชื่อถือของอาเซียนหากประเทศใดประเทศหนึ่งสามารถละเมิดข้อตกลงได้โดยไม่ต้องรับโทษ ที่จะทำให้กลไกสันติภาพในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้อ่อนแอลง เขาเรียกร้องให้ประชาคมระหว่างประเทศไม่นิ่งเฉยต่อการกระทำของไทย โดยระบุว่าต้องกดดัน เปิดโปง และประณาม
เขาทิ้งท้ายบทความว่าประวัติศาสตร์จะบันทึกว่าใครเป็นผู้แสวงหาสันติภาพและใครเลือกการรุกราน พร้อมย้ำว่ากัมพูชาเลือกการทูต ส่วนไทยเลือกการกลั่นแกล้งทางทหาร พร้อมกับเสริมว่าไม่มีการโฆษณาชวนเชื่อ ไม่มีอินฟลูเอนเซอร์ ไม่มีพาดหัวข่าวที่ควบคุมโดยรัฐ จะสามารถเปลี่ยนแปลงข้อเท็จจริงนี้ ซึ่งโลกได้รู้ความจริงแล้ว และย้ำว่าไทยจะต้องหยุดการรุกราน ถอนกำลังทหาร และกลับมาใช้การทูตก่อนที่การกระทำไม่ยั้งคิดของไทยจะก่อให้เกิดผลร้ายแรงเกินกว่าที่จะควบคุมได้.