MGR ออนไลน์ - กระทรวงการต่างประเทศและความร่วมมือระหว่างประเทศของกัมพูชาได้ยื่นหนังสือประท้วงต่อความตั้งใจของไทยที่จะบังคับใช้กฎหมายภายในประเทศของไทยกับชาวกัมพูชาที่อาศัยอยู่ในหมู่บ้านชายแดนในจ.บ้านใต้มีชัย (บันเตียเมียนเจย) และระบุว่าความเคลื่อนไหวดังกล่าวเป็นการละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศและพันธกรณีของอาเซียน
สำนักข่าวขแมร์ไทม์สรายงานว่า กระทรวงการต่างประเทศของกัมพูชาได้ออกคำแถลงระบุว่ารัฐบาลกัมพูชาได้ยื่นประท้วงและคัดค้านอย่างเป็นทางการหลังจากโฆษกของกองทัพไทย ได้ประกาศเมื่อวันที่ 18 ก.ย. ว่ากฎหมายภายในประเทศของไทยที่รวมถึงโทษจำคุกตลอดชีวิตและแม้กระทั่งโทษประหาร อาจนำมาบังคับใช้กับชาวกัมพูชาในหมู่บ้านโจกเจย (บ้านหนองจาน) และหมู่บ้านเปรยจัย (บ้านหนองหญ้าแก้ว) จ.โอเบยจัน อ.โอเจริว
ขแมร์ไทม์สรายงานว่า การประกาศดังกล่าวเกิดขึ้นหลังจากเกิดการปะทะเมื่อวันที่ 17 ก.ย. ที่มีรายงานระบุว่ากองกำลังความมั่นคงของไทยใช้แก๊สน้ำตาและกระสุนยางโจมตีชาวบ้านชาวกัมพูชาในพื้นที่ดังกล่าว โดยกัมพูชาอ้างว่าเป็นส่วนหนึ่งของความพยายามของไทยในการใช้อำนาจอธิปไตยในพื้นที่ที่เป็นข้อพิพาท
กระทรวงการต่างประเทศของกัมพูชา ระบุว่า การอ้างกฎหมายภายในประเทศของไทยในดินแดนที่เป็นข้อพิพาท เป็นการละเมิดพันธกรณีพื้นฐานภายใต้มาตรา 2(3) และ 2(4) ของกฎบัตรสหประชาชาติ ที่กำหนดให้มีการระงับข้อพิพาทโดยสันติ และห้ามใช้กำลังต่อบูรณภาพแห่งดินแดนของรัฐอื่น
คำแถลงของกัมพูชาเน้นย้ำว่าการใช้โทษอาณารุนแรง รวมถึงโทษประหารชีวิต ต่อชาวเขมรที่ประท้วงอย่างสงบ เป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชนขั้นพื้นฐานอย่างร้ายแรงภายใต้ปฏิญญาสากลว่าด้วยสิทธิมนุษยชน และกติการะหว่างประเทศว่าด้วยสิทธิพลเมืองและสิทธิทางการเมือง ที่ไทยเป็นภาคี
“การกระทำของไทยยังละเมิดกฎบัตรอาเซียนและสนธิสัญญามิตรภาพและความร่วมมือในภูมิภาค ที่กำหนดให้ประเทศสมาชิกต้องละเว้นจากการกระทำยั่วยุ และระงับข้อพิพาทโดยสันติ” กระทรวงการต่างประเทศกัมพูชาระบุ
คำแถลงยังชี้ถึงพันธกรณีของไทยภายใต้บันทึกความเข้าใจว่าด้วยการกำหนดเขตแดนทางบกปี 2543 ระหว่างสองประเทศ โดยระบุว่าการบังคับใช้กฎหมายภายในประเทศในพื้นที่พิพาทดังกล่าวเป็นการแทรกแซงการทำงานของคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วม ที่ได้รับมอบหมายให้แก้ไขปัญหา
กัมพูชายังเรียกร้องให้ไทยยุติการกระทำทั้งหมดที่บ่อนทำลายความพยายามลดความตึงเครียดภายใต้ข้อตกลงหยุดยิงเมื่อวันที่ 28 ก.ค. และการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไปที่จัดขึ้นเมื่อวันที่ 7 ส.ค. และ 10 ก.ย. และย้ำว่ารัฐบาลมุ่งมั่นที่จะแก้ไขข้อพิพาทชายแดนโดยสันติตามกฎหมายระหว่างประเทศ ขณะเดียวกันก็ยืนยันว่าเขตแดนต้องไม่เปลี่ยนแปลงด้วยกำลัง
กระทรวงการต่างประเทศกัมพูชายังเสริมว่ากัมพูชาขอสงวนสิทธิ์ทั้งหมดตามกฎหมายระหว่างประเทศ และไม่ยอมรับการกล่าวอ้างของไทยเกี่ยวกับการใช้กฎหมายภายในประเทศว่ามีผลทางกฎหมายต่อกระบวนการสำรวจและกำหนดเขตแดนร่วมกันที่กำลังดำเนินอยู่.