รอยเตอร์ - เวียดนามได้ร้องขอให้สหรัฐฯ พิจารณาทบทวนการตัดสินใจที่อาจนำไปสู่การห้ามส่งออกอาหารทะเลบางรายการของเวียดนามไปยังตลาดสหรัฐฯ ที่จะเริ่มตั้งแต่ปีหน้า ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจที่ได้รับผลกระทบจากภาษีนำเข้าของสหรัฐฯ อยู่แล้ว
เหวียน ห่ง เซวียน รัฐมนตรีกระทรวงอุตสาหกรรมและการค้าของเวียดนาม ได้ส่งจดหมายถึงโฮเวิร์ด ลุตนิก รัฐมนตรีกระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯ เพื่อขอให้มีการพิจารณาทบทวนใหม่ต่อการตัดสินใจขององค์การบริหารมหาสมุทรและชั้นบรรยากาศแห่งชาติ (NOAA) ที่ระบุว่าวิธีการทำประมงบางอย่างของเวียดนามมีความเสี่ยงต่อสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมในทะเล กระทรวงอุตสาหกรรมฯ ระบุในคำแถลง
สหรัฐฯ เป็นหนึ่งในตลาดอาหารทะเลที่ใหญ่ที่สุดของเวียดนาม โดยมูลค่าการส่งออกในช่วงเดือนม.ค.-ส.ค. เพิ่มขึ้น 6.9% จากปีก่อนหน้า อยู่ที่ 1,240 ล้านดอลลาร์ คิดเป็น 17.3% ของการส่งออกอาหารทะเลทั้งหมดของเวียดนาม ตามข้อมูลของศุลกากร
เดือนที่ผ่านมา NOAA ได้แจ้งต่อกระทรวงเกษตรของเวียดนามว่า วิธีการทำประมง 12 วิธีของเวียดนาม ไม่ผ่าน “การประเมินความเท่าเทียม” ภายใต้กฎหมายว่าด้วยการนำเข้าสินค้าสัตว์น้ำเพื่อคุ้มครองสัตว์ทะเลที่เลี้ยงลูกด้วยนม (MMPA)
“ประเทศที่การประมงถูกปฏิเสธการประเมินความเท่าเทียมจะถูกห้ามส่งออกปลาและผลิตภัณฑ์จากปลาจากการทำประมงเหล่านั้นไปยังสหรัฐฯ ตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค. 2569” NOAA ระบุไว้ก่อนหน้านี้
คำแถลงของกระทรวงระบุว่าการห้ามดังกล่าวจะส่งผลกระทบต่อการส่งออกอาหารทะเลหลักของเวียดนาม ที่ประกอบด้วยทูน่า ปลากระโทงดาบ ปลาเก๋า ปลาแมคเคอเรล ปลากระบอก ปู และหมึกกล้วย
เหวียน ห่ง เซวียน กล่าวในจดหมายว่า การกลับคำตัดสินจะช่วยหลีกเลี่ยงผลกระทบร้ายแรงต่อการค้าทวิภาคี และปกป้องการดำรงชีวิตของชาวประมงและแรงงานชาวเวียดนามหลายแสนคน
สหรัฐฯ ตลาดส่งออกรายใหญ่ที่สุดของเวียดนาม กำหนดอัตราภาษีศุลกากรกับการนำเข้าสินค้าจากเวียดนามที่ 20% ตั้งแต่วันที่ 7 ส.ค. ขณะที่การขนถ่ายสินค้าผ่านเวียดนามจากประเทศที่ 3 จะถูกเรียกเก็บภาษี 40%
ข้อมูลของศุลกากรเวียดนามระบุว่า การส่งออกในเดือนส.ค. จากเวียดนามมายังสหรัฐฯ ลดลง 2% จากเดือนก.ค. เหลือ 13,940 ล้านดอลลาร์
“เวียดนามถือว่าสหรัฐฯ เป็นคู่ค้าสำคัญ เวียดนามมุ่งมั่นที่จะทำงานอย่างใกล้ชิดกับสหรัฐฯ ต่อไป เพื่อแก้ไขปัญหาที่คั่งค้างด้วยเจตนารมย์ที่สร้างสรรค์และมองไปข้างหน้า” เซวียนระบุในจดหมาย
ในปี 2560 คณะกรรมาธิการยุโรปยังได้ออกใบเหลืองให้กับเวียดนาม หลังกล่าวหาว่าเวียดนามไม่ได้ดำเนินการอย่างเพียงพอในการต่อสู้กับการทำประมงผิดกฎหมาย ขาดการรายงาน และทำประมงโดยไร้การควบคุม ซึ่งนำไปสู่การลดลงของการส่งออกอาหารทะเลจากเวียดนามไปยังสหภาพยุโรป.