รอยเตอร์ - การโจมตีทางอากาศของกองทัพพม่าที่เกิดขึ้นกับโรงเรียนแห่งหนึ่งเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ทำให้มีเด็กนักเรียนเสียชีวิตอย่างน้อย 19 คน ตามการเปิดเผยของกลุ่มติดอาวุธชาติพันธุ์ ขณะที่รัฐบาลทหารกำลังเร่งปฏิบัติการยึดคืนพื้นที่ก่อนการเลือกตั้งที่วางแผนไว้ในเดือนธ.ค.
ยูนิเซฟ หน่วยงานด้านเด็กของสหประชาชาติระบุในคำแถลงว่า มีเด็กเสียชีวิตและได้รับบาดเจ็บที่โรงเรียนประจำแห่งหนึ่งในตำบลเจ๊าก์ตอว์ ในรัฐยะไข่ แต่ถึงแม้ว่าคำแถลงของยูนิเซฟจะไม่ได้ระบุจำนวนผู้เสียชีวิตในเหตุการณ์ดังกล่าว แต่กองทัพอาระกันที่เป็นกองกำลังติดอาวุธที่กำลังต่อสู้กับกองทัพในรัฐทางตะวันตกแห่งนี้ ระบุว่ามีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 19 คน ที่มีอายุระหว่าง 15-21 ปี
ยูนิเซฟระบุว่าการโจมตีที่เกิดขึ้นตอกย้ำถึงความรุนแรงที่ทวีความรุนแรงขึ้นในรัฐยะไข่
ทั้งนี้ รอยเตอร์ไม่สามารถตรวจสอบรายงานดังกล่าวได้อย่างอิสระ เนื่องจากรัฐบาลทหารตัดสัญญาณอินเทอร์เน็ตและบริการโทรศัพท์มือถือในบางพื้นที่ของรัฐยะไข่ และความพยายามที่จะติดต่อชาวบ้านในต.เจ๊าก์ตอว์ ก็ไม่ประสบความสำเร็จ
รัฐยะไข่ ที่มีพรมแดนติดกับบังกลาเทศ เผชิญกับการต่อสู้อย่างดุเดือดมาเป็นเวลาหลายเดือนระหว่างกองกำลังทหารของรัฐและกองทัพอาระกัน ที่แสวงหาอำนาจในการปกครองตนเองในจังหวัดชายฝั่งแห่งนี้
ยะไข่เป็นหนึ่งในรัฐที่มีปัญหามากที่สุดของพม่า ที่โครงการอาหารโลกเตือนถึงปัญหาความหิวโหยและภาวะทุพโภชนาการที่เพิ่มสูงขึ้น รวมถึงชุมชนชนกลุ่มน้อยมุสลิมโรฮิงญา ที่ถูกกดขี่ข่มเหงจากฝ่ายบริหารระดับภูมิภาคมาอย่างต่อเนื่อง
กองทัพได้เปิดฉากการโจมตีทางอากาศเกือบ 500 ครั้งทั่วประเทศในเดือนที่ผ่านมา ที่ส่งผลให้เด็กเสียชีวิตมากกว่า 40 คน และโรงเรียนถูกโจมตี 15 แห่ง ตามการระบุของรัฐบาลเอกภาพแห่งชาติ ที่เป็นรัฐบาลเงา
รายงานของโครงการข้อมูลเหตุการณ์และสถานที่ความขัดแย้งทางอาวุธระบุว่า กองทัพพม่ากำลังเพิ่มการใช้กำลังทางอากาศ โดยมีการโจมตีทางอากาศ 1,134 ครั้ง ระหว่างเดือนม.ค. ถึงเดือนพ.ค. ซึ่งสูงกว่าตัวเลขในปี 2566 และปี 2567 ที่เกิดขึ้น 197 ครั้ง และ 640 ครั้ง ตามลำดับ
พม่า หนึ่งในประเทศที่ยากจนที่สุดแห่งหนึ่งของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เผชิญกับความรุนแรงมาตั้งแต่เกิดการรัฐประหารในปี 2564 ที่กองทัพโค่นล้มรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งนำโดยอองซานซูจี หลังจากการประท้วงต่อต้านรัฐบาลทหารทั่วประเทศถูกปราบปรามอย่างรุนแรง ฝ่ายต่อต้านก็หันไปจับอาวุธเพื่อต่อสู้กับกองทัพ
หลังจาก 4 ปี ของการปกครองภายใต้การประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน กองทัพได้จัดตั้งรัฐบาลรักษาการเมื่อเดือนที่แล้ว และให้คำมั่นว่าจะจัดการเลือกตั้งที่แบ่งเป็นระยะ ตั้งแต่วันที่ 28 ธ.ค. ขณะที่พล.อ.อาวุโส มิน อ่อง หล่าย ผู้บัญชาการทหารสูงสุด ดำรงตำแหน่งรักษาการประธานาธิบดี
การเลือกตั้งที่รัฐบาลตะวันตกและกลุ่มสิทธิมนุษยชนบางกลุ่มมองว่าเป็นเรื่องหลอกลวง คาดว่าจะถูกครอบงำโดยตัวแทนของกองทัพ เนื่องจากฝ่ายค้านถูกห้ามไม่ให้ลงสมัคร หรือปฏิเสธที่จะลงสมัคร
สื่อของรัฐรายงานว่า คณะกรรมการการเลือกตั้งสหภาพระบุว่าจะไม่มีการจัดการเลือกตั้งในเขตเลือกตั้งสภาผู้แทนราษฎร 56 แห่ง และเขตเลือกตั้งสภาสูง 9 แห่ง เนื่องจากเงื่อนไขไม่เอื้ออำนวย และไม่รวมเขตเลือกตั้งที่อยู่ในพื้นที่ที่อยู่ภายใต้การควบคุมของกลุ่มติดอาวุธตามแนวชายแดนของประเทศ รวมถึงหลายตำบลในรัฐกะฉิ่น รัฐชิน รัฐชาน และรัฐยะไข่.