MGR ออนไลน์ - ฮุนเซน ประธานพฤฒสภา (สภาสูง) ของกัมพูชา ได้เรียกร้องให้สหรัฐฯ ตรวจสอบอย่างต่อเนื่องกับการติดตั้งลวดหนามของกองทัพไทยตามแนวชายแดน ที่กัมพูชาระบุว่าเป็นการละเมิดข้อตกลงการหยุดยิง สำนักข่าวขแมร์ไทม์สและเฟรชนิวส์รายงาน
ฮุนเซนได้ให้การต้อนรับบริดเจ็ตต์ แอล วอล์กเกอร์ อุปทูตสหรัฐฯ ที่เข้าเยี่ยมคารวะในวันนี้ (5) ที่อาคารพฤฒสภา
เจีย ธิริธ โฆษกของฮุนเซนกล่าวว่าอดีตผู้นำกัมพูชาได้ต้อนรับอุปทูต และคณะ พร้อมแสดงความยินดีกับความร่วมมือครั้งใหม่นี้
บริดเจ็ตต์ แอล วอล์กเกอร์ กล่าวขอบคุณฮุนเซนที่อนุญาตให้เธอและคณะได้เข้าเยี่ยมคารวะ และระบุว่าความสัมพันธ์ระหว่างกัมพูชาและสหรัฐฯ อยู่ในช่วงเวลาที่ดีเนื่องด้วยทั้งสองประเทศกำลังเฉลิมฉลองครบรอบ 75 ปี ของความสัมพันธ์ทางการทูต
ฮุนเซนได้บรรยายสรุปเกี่ยวกับความเป็นมาของข้อพิพาทชายแดนกัมพูชา-ไทย และพัฒนาการล่าสุดนับตั้งแต่การหยุดยิงเมื่อวันที่ 28 ก.ค. ซึ่งฮุนเซนเน้นย้ำว่าการหยุดยิงจะไม่สามารถเกิดขึ้นได้หากปราศจากการมีส่วนร่วมของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์
ฮุนเซนยังแสดงความขอบคุณอย่างสุดซึ้งต่อรัฐบาลสหรัฐฯ และรัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศสำหรับมาตรการที่ทันท่วงที โดยกล่าวว่าการหยุดยิงที่สหรัฐฯ เป็นคนกลางไกล่เกลี่ยสามารถป้องกันการสูญเสียชีวิตเพิ่มในหมู่ทหารและพลเรือนได้
เขายังแสดงความกังวลเกี่ยวกับการติดตั้งลวดหนามตามแนวชายแดนของไทยที่กำลังดำเนินอยู่ และขอให้สหรัฐฯ ให้ความสนใจอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้แน่ใจว่าการหยุดยิงได้รับการปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด เขายังยืนยันจุดยืนของกัมพูชา ว่าการปฏิบัติตามข้อตกลงหยุดยิงคือการแก้ไขปัญหาชายแดนโดยสันติและกลับสู่ภาวะปกติ
ด้านอุปทูตสหรัฐฯ ได้แสดงความขอบคุณต่อคำอธิบายที่ชัดเจนของฮุนเซน โดยยืนยันว่าสหรัฐฯ โดยเฉพาะอย่างยิ่งประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ และรัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศ ยังคงให้ความใส่ใจต่อเหตุการณ์ชายแดนกัมพูชาและไทย และหวังที่จะเห็นสันติภาพฟื้นคืนกลับมา
เธอยังเสริมว่าสหรัฐฯ จะสนับสนุนการจัดตั้งกลุ่มผู้สังเกตการณ์อาเซียนตามที่ทั้งสองฝ่ายได้ตกลงกันไว้
ทั้งนี้ ฮุนเซนได้กล่าวขอบคุณสหรัฐฯ สำหรับความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมแก่ผู้ลี้ภัยชาวกัมพูชา ทั้งสองยังได้หารือเกี่ยวกับผู้อพยพชาวกัมพูชาในสหรัฐฯ โดยบริดเจ็ตต์ แอล วอล์กเกอร์ ได้ร้องขอการอำนวยความสะดวกในการส่งกลับประเทศ ซึ่งฮุนเซนได้ยืนยันว่ารัฐบาลกัมพูชาจะยอมรับผู้ที่เดินทางกลับ โดยเน้นย้ำว่ากัมพูชายึดมั่นในจุดยืนนี้มาตั้งแต่เมื่อครั้งที่เขาเป็นผู้นำประเทศ.