xs
xsm
sm
md
lg

รมว.ต่างประเทศกัมพูชาฟ้องทูตต่างชาติอ้างไทยยังละเมิดสิทธิ-รุกล้ำ บั่นทอนความไว้วางใจฟื้นฟูสันติภาพ

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



MGR ออนไลน์ - ปรัก สุคน รัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศของกัมพูชา ได้แจ้งต่อคณะทูตและองค์กรระหว่างประเทศในกัมพูชาว่า กองทัพไทยยังคงละเมิดสิทธิมนุษยชนผ่านกิจกรรมที่ก้าวร้าว รวมถึงการรุกล้ำผ่านการวางรั้วลวดหนามและการทำลายโครงสร้างพื้นฐานของพลเรือนทั้งภายในและภายนอกพื้นที่ขัดแย้ง การกระทำเหล่านี้บั่นทอนความไว้วางใจและทำให้การหยุดยิงเปราะบาง

รัฐมนตรีต่างประเทศของกัมพูชายังระบุว่าสันติภาพจะไม่สามารถฟื้นฟูได้ หากชุมชนชายแดนยังตกอยู่ในความหวาดกลัวและการพลัดถิ่น

คำกล่าวของปรัก สุคน นี้เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 21 ส.ค. ระหว่างการบรรยายสรุปเกี่ยวกับสถานการณ์ตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา รวมถึงปัญหาทุ่นระเบิด ที่ได้นำเสนอต่อนักการทูตและตัวแทนจากหน่วยงานของสหประชาชาติที่รับผิดชอบในกัมพูชา ที่กระทรวงการต่างประเทศ โดยการประชุมครั้งนี้ มีตัวแทนจากสถานทูต 42 แห่งที่อยู่ในกัมพูชา และสถานทูตต่างประเทศที่ดูแลกิจการชายแดนไทย-กัมพูชา รวมถึงองค์กรระหว่างประเทศ 20 แห่ง

สำหรับการแถลงข่าวประจำวันที่จัดขึ้นในวันศุกร์ โฆษกกระทรวงการต่างประเทศได้เน้นถึงผลลัพธ์ของการประชุมของปรัก สุคน และคณะทูตต่างประเทศและหน่วยงานของสหประชาชาติในกัมพูชา

รัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศกัมพูชาได้ย้ำว่าจุดยืนของประเทศมีความชัดเจน และระบุว่ากัมพูชาในวันนี้เป็นประเทศที่ต้องเผชิญกับบาดแผลจากความขัดแย้ง และรู้ดีถึงผลร้ายแรงของสงคราม ซึ่งจากสิ่งดังกล่าวทำให้กัมพูชาเลือกสันติภาพมากกว่าการเผชิญหน้าเสมอ และเชื่อมั่นว่าข้อพิพาทระหว่างประเทศต้องได้รับการแก้ไขผ่านการเจรจา กฎหมายระหว่างประเทศ และความร่วมมือ ไม่ใช่การใช้กำลัง นอกจากนี้ กัมพูชายังอ้างว่านับตั้งแต่เริ่มวิกฤต กัมพูชาทำงานอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อยเพื่อลดความตึงเครียดและฟื้นฟูความสงบสุข

“รัฐมนตรีต่างประเทศระบุว่าการละเมิดบางประการ รวมถึงการรุกล้ำโดยการวางลวดหนามและทำลายโครงสร้างพื้นฐานของพลเรือนทั้งภายในและภายนอกพื้นที่ขัดแย้ง (ในจ.พระวิหาร จ.อุดรมีชัย จ.โพธิสัตว์ และจ.บ้านใต้มีชัย) กิจการทางทหารยังคงดำเนินอยู่ เช่นการก่อสร้างถนนใหม่ บังเกอร์ และสนามเพลาะในพื้นที่พิพาท ตลอดจนการควบคุมตัวทหารกัมพูชา 18 นาย ซึ่งการกระทำเหล่านี้บั่นทอนความไว้วางใจและทำให้การหยุดยิงเปราะบาง” โฆษกกระทรวงการต่างประเทศกัมพูชา กล่าว

โฆษกยังอ้างว่ากัมพูชาได้ปฏิบัติตามข้อตกลงหยุดยิงและเจตนารมย์ของบันทึกความเข้าใจปี 2543 และเนื่องจากข้อตกลงหยุดยิงมีความเปราะบาง กัมพูชาจึงให้ความสำคัญต่อการจัดตั้งคณะผู้สังเกตการณ์อาเซียน (AOT) และคณะผู้สังเกตการณ์ชั่วคราว (IOT) ตามที่ได้หารือในการประชุม GBC เมื่อวันที่ 7 ส.ค.

และโฆษกยังกล่าวต่ออีกว่า กัมพูชาเชื่อว่าสันติภาพจะไม่สามารถฟื้นกลับคืนได้หากชุมชนชายแดนยังคงอยู่ในความหวาดกลัวและการพลัดถิ่น.


กำลังโหลดความคิดเห็น