เอพี - การโจมตีทางอากาศของกองทัพพม่าในเมืองโมก๊ก ที่เป็นศูนย์กลางอุตสาหกรรมเหมืองอัญมณีของประเทศ ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 21 คน รวมถึงหญิงตั้งครรภ์ กลุ่มติดอาวุธต่อต้านรัฐบาลทหาร ชาวบ้านในพื้นที่ และสื่อออนไลน์ของพม่ารายงานเมื่อวันเสาร์ (16)
เหตุการณ์นี้เป็นการโจมตีทางอากาศครั้งล่าสุดของกองทัพ ที่ทำให้พลเรือนบาดเจ็บล้มตาย และทวีความรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ เพื่อพยายามยึดคืนดินแดนจากกลุ่มต่อต้าน ท่ามกลางสงครามกลางเมืองที่ปะทุขึ้นหลังจากกองทัพเข้ายึดอำนาจในเดือนก.พ. 2564
การโจมตีเกิดขึ้นเมื่อวันพฤหัสฯ เวลาประมาณ 20.30 น. ในย่านฉ่วยกู เมืองโมก๊ก ห่างจากเมืองมัณฑะเลย์ ที่เป็นเมืองใหญ่อันดับ 2 ของประเทศไปทางตะวันออกเฉียงเหนือ ราว 115 กิโลเมตร ตามการระบุของโฆษกกองทัพปลดปล่อยแห่งชาติตะอาง (TNLA)
TNLA เป็นหนึ่งในกองกำลังติดอาวุธชนกลุ่มน้อยชาติพันธุ์ที่ต่อสู้กับกองทัพใกล้ชายแดนจีน
“มีพลเรือนเสียชีวิตประมาณ 21 คน บาดเจ็บอีก 7 คน บ้านเรือนและสิ่งปลูกสร้างในวัดได้รับความเสียหาย” โฆษกของ TNLA ระบุ
โมก๊ก ศูนย์กลางการทำเหมืองทับทิมในภาคมัณฑะเลย์ตอนบน ถูกกองกำลัง TNLA เข้ายึดครองในเดือนก.ค. 2567 โดย TNLA เป็นหนึ่งในพันธมิตรกลุ่มติดอาวุธชาติพันธุ์ที่ยึดครองพื้นที่ขนาดใหญ่ทางตะวันออกเฉียงเหนือของพม่า ในปฏิบัติการโจมตีที่เริ่มขึ้นในปลายปี 2566
คำแถลงของกลุ่มที่เผยแพร่ในคืนวันศุกร์ทางช่องเทเลแกรมของกลุ่มระบุว่า ในกลุ่มผู้เสียชีวิต เป็นผู้หญิงถึง 16 คน จากเหตุการณ์การโจมตีทางอากาศที่ดูเหมือนจะมุ่งเป้าที่วัดพุทธในย่านฉ่วยกู เมืองโมก๊ก
บ้านเรือนประชาชน 15 หลัง ได้รับความเสียหายจากการทิ้งระเบิดของเครื่องบินขับไล่
ชาวเมืองโมก๊ก 2 คน ให้สัมภาษณ์เมื่อวันเสาร์ว่า ยอดผู้เสียชีวิตเพิ่มขึ้นเป็นเกือบ 30 คน แม้จะยังไม่สามารถยืนยันจำนวนผู้เสียชีวิตที่แท้จริงได้ ชาวบ้านที่ขอไม่เปิดเผยชื่อเนื่องจากกลัวถูกทหารจับกุมตัว กล่าวว่ายอดผู้เสียชีวิตสูงเนื่องจากบ้านหลังหนึ่งที่ถูกระเบิด เป็นบ้านของหญิงตั้งครรภ์ซึ่งกำลังมีคนมาเยี่ยม
สื่อออนไลน์อิสระ รวมทั้ง Myanmar Now และ Democratic Voice of Burma ได้เผยแพร่ภาพและวิดีโอที่ระบุว่าเป็นซากของอาคารที่โดยโจมตีทางอากาศ
กองทัพพม่าไม่ได้แสดงความคิดเห็นต่อเหตุการณ์ในเมืองโมก๊ก
ในอดีต กองทัพเคยกล่าวว่าพวกเขาโจมตีเฉพาะเป้าหมายที่ถูกต้องตามกฎหมายเท่านั้น และกล่าวหาว่ากองกำลังต่อต้านเป็นผู้ก่อการร้าย
พม่าตกอยู่ในความวุ่นวายนับตั้งแต่กองทัพยึดอำนาจจากรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งของอองซานซูจี ในเดือนก.พ. 2564 หลังจากการชุมนุมอย่างสันติถูกปราบปรามด้วยกำลังรุนแรง ฝ่ายต่อต้านการปกครองของทหารจำนวนมากได้หันไปจับอาวุธ และในตอนนี้ พื้นที่ส่วนใหญ่ของประเทศพัวพันอยู่กับการต่อสู้
รัฐบาลทหารได้เพิ่มการโจมตีทางอากาศต่อกองกำลังพิทักษ์ประชาชนที่สนับสนุนประชาธิปไตย และกองกำลังติดอาวุธชนกลุ่มน้อยชาติพันธุ์ ที่ต่อสู้เพื่อสิทธิในการปกครองตนเองมานานหลายทศวรรษ แต่กองกำลังต่อต้านเหล่านี้ไม่มีอาวุธในการป้องกันการโจมตีทางอากาศ
คำแถลงของ TNLA ระบุว่ายังมีผู้เสียชีวิตอีก 17 คน รวมทั้งพระสงฆ์ 2 รูป และมีผู้ได้รับบาดเจ็บ 20 คน ในช่วง 2 สัปดาห์แรกของเดือนส.ค. จากการโจมตีทางอากาศในพื้นที่ที่กลุ่มควบคุมอยู่
ฝ่ายต่อต้านและนักวิเคราะห์อิสระประเมินว่าขณะนี้กองทัพควบคุมพื้นที่ได้ไม่ถึงครึ่งประเทศ ขณะที่ยังคงควบคุมพื้นที่ส่วนใหญ่ในภาคกลางของประเทศไว้อย่างเหนียวแน่น รวมถึงกรุงเนปีดอ กองทัพได้เร่งปฏิบัติการโจมตีตอบโต้ก่อนการเลือกตั้งที่ให้คำมั่นว่าจะจัดขึ้นในปลายปีนี้ เพื่อยึดคืนพื้นที่ที่กองกำลังฝ่ายตรงข้ามควบคุมอยู่
นักวิจารณ์ระบุว่าการเลือกตั้งดังกล่าวจะไม่เป็นประชาธิปไตย เพราะไม่มีสื่อเสรีและผู้นำพรรคของซูจีส่วนใหญ่ถูกจับกุม แผนนี้ถูกมองอย่างกว้างขวางว่าเป็นความพยายามสร้างความชอบธรรมและกุมอำนาจในการปกครองของกองทัพเอาไว้ ขณะเดียวกันกลุ่มต่อต้านหลายกลุ่มกล่าวว่าพวกเขาจะพยายามขัดขวางการเลือกตั้งนี้.