xs
xsm
sm
md
lg

กัมพูชาส่งจดหมายฟ้องเลขาธิการ UN-คณะมนตรีความมั่นคง บอกไทยละเมิดข้อตกลงหยุดยิงซ้ำแล้วซ้ำเล่า

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



MGR ออนไลน์ - ชุม สุนรี โฆษกกระทรวงการต่างประเทศของกัมพูชาระบุว่า ปรัก สุคน รัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศได้แจ้งต่อเลขาธิการสหประชาชาติและประธานคณะมนตรีความมั่นคง เกี่ยวกับความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้นของการสงบศึกที่เปราะบางระหว่างกัมพูชาและไทย

“รองนายกรัฐมนตรีปรัก สุคน รัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศและความร่วมมือระหว่างประเทศ ได้เขียนจดหมายถึงประธานคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ และเลขาธิการสหประชาชาติ เพื่อแจ้งให้ทราบถึงความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้นของการสงบศึกที่เปราะบางอย่างยิ่งระหว่างกัมพูชาและไทยในตอนนี้” ชุม สุนรี กล่าว

ชุม สุนรี ระบุว่า ในจดหมายสองฉบับที่ลงวันที่ 11 ส.ค. 2568 รองนายกรัฐมนตรีปรัก สุคน ได้ระบุว่ากัมพูชาและไทยได้บรรลุข้อตกลงหยุดยิงในการประชุมวาระพิเศษที่จัดขึ้นที่มาเลเซียเมื่อวันที่ 28 ก.ค. 2568 ข้อตกลงดังกล่าวได้ช่วยชีวิตผู้คนจำนวนมากและมอบความหวังให้กับผู้พลัดถิ่นหลายหมื่นคน ทำให้เกิดความหวังว่าพวกเขาจะได้กลับบ้านในเร็ววัน และตั้งตารอสันติภาพและความสามัคคีที่ยั่งยืน กัมพูชาขอแสดงความขอบคุณคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติที่ได้จัดการประชุมเร่งด่วนเพื่อหารือเกี่ยวกับความขัดแย้งทางอาวุธระหว่างกัมพูชาและไทยในวันที่ 25 ก.ค. 2568 ที่ช่วยสนับสนุนการพัฒนาเชิงบวกนี้

เนื้อความในจดหมายยังระบุอีกว่า กองทัพไทยยังคงละเมิดอธิปไตยและบูรณภาพแห่งดินแดนของกัมพูชาอย่างต่อเนื่อง ละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศและข้อตกลงทวิภาคีที่มีผลผูกพัน รวมถึงเงื่อนไขของการหยุดยิงที่ได้ตกลงกันไว้ นับตั้งแต่การหยุดยิงมีผลบังคับใช้เมื่อวันที่ 28 ก.ค. 2568 กองทัพไทยยังคงรุกล้ำเข้ามาในดินแดนกัมพูชาซ้ำๆ วางลวดหนามอย่างผิดกฎหมายและก่อสร้างในหลายพื้นที่ กองกำลังทหารของไทยรุกล้ำและยกระดับกิจกรรมในพื้นที่อานเซส จ.พระวิหาร อย่างผิดกฎหมาย ตั้งแต่การวางลวดหนามไปจนถึงทำลายบ้านเรือนของชาวกัมพูชา และใช้เครื่องจักรกลหนักสร้างบังเกอร์

“รองนายกรัฐมนตรีปรัก สุคน ได้เน้นย้ำว่าการละเมิดแต่ละกรณีและทั้งหมดนี้เกิดขึ้นภายในอาณาเขตของราชอาณาจักรกัมพูชา ตามที่กำหนดขอบเขตโดยแผนที่มาตราส่วน 1 ต่อ 200,000 ที่จัดทำขึ้นโดยคณะกรรมการผสมฝรั่งเศส-สยาม ตามอนุสัญญาลงวันที่ 13 ก.พ. 2447 และสนธิสัญญาลงวันที่ 23 มี.ค. 2450 แผนที่เหล่านี้ที่ได้รับการยอมรับร่วมกันจากรัฐบาลกัมพูชาและไทย เป็นการกำหนดไว้อย่างชัดเจนในคำพิพากษาของศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ เมื่อวันที่ 15 มิ.ย. 2505 และวันที่ 11 พ.ย. 2556 ในคดีปราสาทพระวิหาร ที่ถือเป็นที่สุดและมีผลผูกพันตามมาตรา 60 ของธรรมนูญศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ และมาตรา 94 ของกฎบัตรสหประชาชาติ

นอกจากนี้ ชุม สุนรี ยังกล่าวว่า รัฐบาลกัมพูชาเรียกร้องให้รัฐบาลไทยและกองกำลังทหารของไทยปฏิบัติ 3 ข้อ​ ประการแรกคือ ยุติการบุกรุก การยึดครองโดยผิดกฎหมาย และกิจกรรมใดๆ ก็ตามที่ละเมิดอธิปไตยและบูรณภาพแห่งดินแดนของกัมพูชา ประการที่ 2 กัมพูชาเรียกร้องให้ถอนกำลังทหารและยุทโธปกรณ์ของไทยทั้งหมดไปยังตำแหน่งที่สอดคล้องกับเขตแดนตามที่กฎหมายกำหนด และประการที่ 3 ให้ฝ่ายไทยปฏิบัติตามข้อผูกพันทวิภาคีและระหว่างประเทศทั้งหมดอย่างสมบูรณ์และไม่มีเงื่อนไข.
กำลังโหลดความคิดเห็น