เอเอฟพี - ผู้เชี่ยวชาญด้านพม่าของสหประชาชาติได้วิพากษ์วิจารณ์การตัดสินใจของสหรัฐฯ ในการยกเลิกมาตรการคว่ำบาตรต่อพันธมิตรของนายพลและบริษัทที่เกี่ยวข้องกับกองทัพพม่าโดยระบุว่าเป็นการกระทำที่ไร้สำนึก
วอชิงตันได้ยกเลิกมาตรการคว่ำบาตรหลังจากผู้นำรัฐบาลทหารได้ส่งจดหมายชื่นชมประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เมื่อต้นเดือนที่ผ่านมา
ทอม แอนดรูว์ส ผู้รายงานพิเศษด้านสถานการณ์สิทธิมนุษยชนในพม่ากล่าวว่า การยกเลิกมาตรการคว่ำบาตรกับบุคคลและบริษัทที่จัดหาอาวุธ เสบียง และการสนับสนุนด้านวัตถุต่างๆ ถือเป็นจุดเปลี่ยนที่น่าตกใจในนโยบายของสหรัฐฯ ที่เสี่ยงทำให้รัฐบาลทหารและผู้สนับสนุนมีความกล้ามากขึ้น
“นี่เป็นการก้าวถอยหลังครั้งใหญ่สำหรับความพยายามระหว่างประเทศที่จะรักษาชีวิตผู้คนด้วยการจำกัดการเข้าถึงอาวุธของรัฐบาลทหารที่ก่อเหตุฆาตกรรม” คำแถลงของทอม แอนดรูว์ส ระบุ
“นับเป็นการกระทำที่ไร้สำนึกที่บ่อนทำลายความพยายามดังกล่าวด้วยการยกเลิกมาตรการคว่ำบาตรต่อพ่อค้าอาวุธและพวกพ้องรัฐบาลทหาร” ทอม แอนดรูว์ส ระบุ
พม่าตกอยู่ในความขัดแย้งโหดร้ายนับตั้งแต่เดือนก.พ. 2564 เมื่อกองทัพของพล.อ.อาวุโส มิน อ่อง หล่าย ได้แย่งชิงอำนาจจากรัฐบาลพลเรือนของอองซานซูจี
การรัฐประหารก่อให้เกิดสงครามกลางเมืองที่ทำให้มีผู้เสียชีวิตหลายพันคน และทำให้ประชาชนอีกราว 3.5 ล้านคนต้องพลัดถิ่น และประชากรกว่าครึ่งของประเทศต้องตกอยู่ในความยากจน
เมื่อต้นเดือนก.ค. ผู้นำรัฐบาลทหารได้ส่งจดหมายถึงทรัมป์ ตอบคำขู่การเรียกเก็บภาษี โดยได้ยกย่องประธานาธิบดีสหรัฐฯ รวมถึงการปิดสื่อที่ได้รับทุนสนับสนุนจากสหรัฐฯ ที่รายงานข่าวความขัดแย้ง
แอนดรูว์ส กล่าวว่าบริษัทต่างๆ ที่ถูกถอดออกจากบัญชีรายชื่อการคว่ำบาตรของสหรัฐฯ ล้วนมีส่วนเกี่ยวข้องกับการค้าอาวุธ รวมถึงการเป็นตัวกลางในการจัดหาอาวุธ วัตถุดิบ และเสบียงให้กับรัฐบาลทหาร
“การใช้อาวุธสงครามของรัฐบาลทหารเพื่อโจมตีพลเรือนนั้นร้ายแรงมากและนี่คือข้อเท็จจริงที่รัฐบาลทรัมป์ต้องตระหนักและเรียกร้องให้รัฐบาลทหารออกมารับผิดชอบการโจมตีเหล่านั้น รวมทั้งการละเมิดสิทธิมนุษชนร้ายแรงอื่นๆ และการกำหนดมาตรการคว่ำบาตรต่อรัฐบาลทหารก็พิสูจน์แล้วว่าได้ผล” ทอม แอนดรูว์ส กล่าว
“ปริมาณยุทโธปกรณ์ที่รัฐบาลทหารสามารถนำเข้าได้ลดลงกว่า 30% ระหว่างปี 2566-2567 ส่วนหนึ่งเป็นเพราะมาตรการคว่ำบาตรของสหรัฐฯ และประเทศอื่นๆ ซึ่งมันเป็นเรื่องของความเป็นความตายอย่างแท้จริง” แอนดรูว์ส กล่าวเสริม โดยอดีตสมาชิกสภาคองเกรสของพรรคเดโมแครต ได้เรียกร้องให้รัฐบาลทรัมป์จากพรรครีพับลิกันพิจารณาทบทวนอีกครั้ง.