MGR ออนไลน์ - สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่าผู้บัญชาการทหารจากไทยและกัมพูชาได้หารือกันในวันอังคาร (29) ขณะที่ความสงบเริ่มกลับคืนสู่ชายแดนที่เป็นข้อพิพาท และประชาชนที่พลัดถิ่นเริ่มทยอยกลับเข้าพื้นที่ หลังจากประเทศเพื่อนบ้านในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ประกาศสงบศึกเพื่อยุติการสู้รบที่ดำเนินมาเป็นเวลา 5 วัน
ผู้นำไทยและกัมพูชาได้พบหารือกันที่มาเลเซียในวันจันทร์ (28) และต่างตกลงในข้อตกลงหยุดยิงเพื่อยุติความขัดแย้งที่นองเลือดที่สุดในรอบกว่าทศวรรษ ที่ทำให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 40 คน โดยส่วนใหญ่เป็นพลเรือน และทำให้มีผู้พลัดถิ่นมากกว่า 300,000 คน ในทั้งสองประเทศ
แม้ว่ากองทัพไทยกล่าวว่ามีการโจมตีมาจากกองกำลังของกัมพูชาในอย่างน้อย 5 พื้นที่ในเช้าวันอังคาร ซึ่งเป็นการละเมิดข้อตกลงหยุดยิงที่มีผลบังคับใช้ตั้งแต่เที่ยงคืน แต่ผู้บัญชาการทหารจากทั้งสองฝ่ายได้ร่วมประชุมหารือกัน ตามการระบุของโฆษกกองทัพบกไทย
การประชุมนี้รวมถึงการเจรจาระหว่างแม่ทัพภาคที่ 2 ของไทยที่ดูแลพื้นที่ชายแดนที่มีการสู้รบหนักที่สุดในช่วงที่เกิดความขัดแย้ง และรองผู้บัญชาการทหารภูมิภาคที่ 4 ของกัมพูชา โดยผู้บัญชาการทหารทั้งสองฝ่ายได้พบกันที่ชายแดนโดยตกลงที่จะคงการหยุดยิง ยุติการเคลื่อนย้ายกำลังพล และอำนวยความสะดวกในการส่งตัวผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตกลับประเทศ
“แต่ละฝ่ายจะจัดทีมประสานงาน 4 คน เพื่อแก้ไขปัญหาต่างๆ” พล.ต.วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก กล่าวกับผู้สื่อข่าว
นายภูมิธรรม เวชยชัย รักษาการนายกรัฐมนตรีของไทยที่เดินทางไปมาเลเซียเพื่อเจรจาข้อตกลงหยุดยิง กล่าวว่าเขาได้พูดคุยกับรัฐมนตรีกระทรวงกลาโหมของกัมพูชาแล้ว และความสงบกลับคืนสู่พื้นที่ชายแดนแล้ว
“ไม่มีการยกระดับสถานการณ์ ตอนนี้สถานการณ์ยังคงสงบ” ภูมิธรรมกล่าวกับผู้สื่อข่าว
ด้านโฆษกกระทรวงกลาโหมกัมพูชาได้กล่าวแถลงข่าวในเช้าวันอังคารระบุว่าไม่มีการสู้รบใหม่ตามแนวชายแดน
การจราจรบนท้องถนนและกิจกรรมประจำวันกลับมาเป็นปกติอีกครั้งในอ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ในวันนี้ ที่อยู่ห่างจากแนวรบประมาณ 30 กิโลเมตร ซึ่งทหารไทยและกัมพูชายังคงประจำการอยู่
ในจ.อุดรมีชัย ของกัมพูชา ชาวบ้านวัย 63 ปี นั่งอยู่ในเพิงชั่วคราวที่ทำจากผ้าใบกันน้ำรอฟังคำสั่งหลังได้ยินข่าวเกี่ยวกับข้อตกลงหยุดยิง
“หากทางการประกาศว่าทุกอย่างปลอดภัยแล้วสำหรับผู้ลี้ภัย ผมก็จะกลับทันที” ชายชาวเขมร กล่าว
ประเทศเพื่อนบ้านในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้โต้แย้งกันมานานหลายทศวรรษเกี่ยวกับเขตแดนที่เป็นข้อพิพาท และตกอยู่ในสถานการณ์ความขัดแย้งนับตั้งแต่ทหารกัมพูชาเสียชีวิต 1 นายในการปะทะกันช่วงปลายเดือนพ.ค. ซึ่งนำไปสู่การเสริมกำลังทหารของทั้งสองฝ่ายและวิกฤตทางการทูตอย่างเต็มรูปแบบ
การเจรจาสันติภาพเมื่อวันจันทร์ เกิดขึ้นหลังจากมีการผลักดันอย่างต่อเนื่องจากนายกรัฐมนตรีอันวาร์ อิบราฮิม ของมาเลเซีย และประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐฯ โดยทรัมป์ได้เตือนผู้นำไทยและกัมพูชาว่าการเจรจาการค้าจะไม่คืบหน้าหากการสู้รบยังคงดำเนินอยู่
ไทยและกัมพูชาเผชิญกับการเรียกเก็บภาษีนำเข้าสินค้า 36% จากสหรัฐฯ ที่เป็นตลาดส่งออกใหญ่ที่สุดของสองประเทศ เว้นแต่จะสามารถเจรจาลดหย่อนลงได้ ซึ่งหลังจากบรรลุข้อตกลงหยุดยิง ทรัมป์กล่าวว่าเขาได้พูดคุยกับผู้นำทั้งสองประเทศ และได้สั่งให้ทีมการค้าของเขาเริ่มต้นเจรจาภาษีใหม่อีกครั้ง
รัฐมนตรีกระทรวงการคลังของไทยกล่าวว่า คาดว่าการเจรจาการค้ากับสหรัฐฯ จะเสร็จสิ้นก่อนวันที่ 1 ส.ค. และคาดว่าภาษีนำเข้าของสหรัฐฯ กับไทยจะไม่สูงถึง 36%.
