ไทย-กัมพูชาตกลงหยุดยิงแบบไม่มีเงื่อนไข หลังเจรจาแก้ความขัดแย้งในมาเลเซีย

เอเอฟพี - ผู้นำไทยและกัมพูชาได้ตกลงหยุดยิงแบบไม่มีเงื่อนไขในวันนี้ (28) หลังจากสู้รบเป็นวันที่ 5 ตามพื้นที่ชายแดนที่ทำให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 36 คน

ประชาชนกว่า 200,000 คน ต้องอพยพออกจากพื้นที่ที่ทั้งสองฝ่ายปะทะกันทั้งด้วยปืน ปืนใหญ่ และจรวด ในการสู้รบเหนือพื้นที่พิพาทยาวนานที่เป็นที่ตั้งของปราสาทโบราณหลายแห่ง

การปะทะครั้งนี้นับว่ารุนแรงที่สุดตั้งแต่เกิดความรุนแรงปะทุขึ้นเป็นระยะๆ ในช่วงปี 2551-2554 ในพื้นที่ดังกล่าว ซึ่งทั้งสองฝ่ายอ้างสิทธิ์ที่เป็นผลจากการแบ่งเขตแดนที่คลุมเครือของฝรั่งเศสที่เป็นเจ้าอาณานิคมของกัมพูชาในปี 2450

นายกรัฐมนตรีอันวาร์ อิบราฮิม ของมาเลเซีย ได้อ่านแถลงการณ์ร่วมจากผู้นำสองประเทศหลังจากเจรจาสันติภาพ โดยระบุว่าทั้งสองประเทศได้ตกลงหยุดยิงทันทีและไม่มีเงื่อนไขโดยจะมีผลตั้งแต่เวลา 24.00 น.ตามเวลาท้องถิ่น คือเที่ยงคืนของวันที่ 28 ก.ค. 2568

“นี่เป็นก้าวแรกที่สำคัญยิ่งสู่การลดระดับความตึงเครียดและการฟื้นฟูสันติภาพและความมั่นคง” ผู้นำมาเลเซียกล่าวในการแถลงข่าวที่เมืองปุตราจายา โดยมีนายภูมิธรรม เวชยชัย รักษาการนายกรัฐมนตรีของไทย และฮุน มาเนต นายกรัฐมนตรีของกัมพูชา ยืนขนาบข้าง

อันวาร์กล่าวว่าจะมีการประชุมผู้บัญชาการทหารจากทั้งสองฝ่ายในเช้าวันอังคาร (29) ก่อนที่คณะกรรมการชายแดนของทั้งสองประเทศจะพบหารือกันในกัมพูชาในวันที่ 4 ส.ค.

ขณะที่มีการประกาศข้อตกลงดังกล่าว นักข่าวของเอเอฟพีในเมืองสำโรง ที่อยู่ห่างจากชายแดนราว 17 กิโลเมตร รายงานว่ายังได้ยินเสียงปืนใหญ่ดังต่อเนื่อง

ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐฯ ที่ทั้งสองประเทศกำลังเจรจาข้อตกลงการค้าเพื่อเลี่ยงภัยคุกคามจากการเรียกเก็บภาษีศุลกากรในอัตราสูง ได้เข้าแทรกแซงในช่วงสุดสัปดาห์ และกล่าวว่าทั้งสองฝ่ายตกลงที่จะหารือข้อตกลงเพื่อหยุดยิงโดยเร็ว

“วันนี้เรามีการประชุมที่ดีมากและได้ผลลัพธ์ที่ดีมาก” ฮุน มาเนต ผู้นำกัมพูชา กล่าว พร้อมขอบคุณทรัมป์สำหรับการสนับสนุน และระบุว่าการหยุดยิงครั้งนี้จะเป็นรากฐานสำหรับการลดความตึงเครียดในอนาคต

ก่อนการประชุมครั้งนี้จะเริ่มขึ้น ไทยและกัมพูชาได้กล่าวหาอีกฝ่ายว่าเป็นผู้เริ่มโจมตีและเปิดฉากยิงกันอีก

พลโทมาลี โสเจียตา โฆษกกระทรวงกลาโหมกัมพูชา กล่าวว่าเป็นวันที่ 5 ที่ไทยรุกรานดินแดนของกัมพูชาด้วยอาวุธหนักและด้วยกำลังทหารจำนวนมาก

และในขณะที่เดินทางออกจากสนามบินในกรุงเทพฯ นายภูมิธรรมกล่าวกับผู้สื่อข่าวว่าเขาไม่เชื่อว่ากัมพูชาจะกระทำด้วยความจริงใจ

หลังจากการเจรจาที่อันวาร์ ประธานกลุ่มอาเซียนซึ่งทั้งไทยและกัมพูชาเป็นสมาชิกเป็นเจ้าภาพนั้น นายภูมิธรรมได้เรียกร้องการสงบศึกด้วยความจริงใจจากทั้งสองฝ่าย

“ไทยตัดสินใจที่จะหาทางออกอย่างสันติ ขณะเดียวกันก็ยังปกป้องอธิปไตยและชีวิตของประชาชน” รักษาการนายกรัฐมนตรีของไทย กล่าว

ก่อนการเจรจา กองทัพไทยกล่าวว่าพลซุ่มยิงของกัมพูชาได้ตั้งค่ายอยู่ในปราสาทหลังหนึ่งที่เป็นข้อพิพาทกัน และกล่าวหาว่าพนมเปญระดมกำลังทหารตามแนวชายแดนและโจมตีไทยด้วยจรวด

“สถานการณ์ยังคงตึงเครียดอย่างมาก และคาดว่ากัมพูชาอาจกำลังเตรียมการสำหรับปฏิบัติการทางทหารครั้งใหญ่ก่อนเข้าสู่การเจรจา” คำแถลงของกองทัพไทยระบุ

ทรัมป์ขู่ว่าจะเรียกเก็บภาษีในอัตราสูงกับทั้งสองประเทศหากไม่บรรลุข้อตกลงการค้า แต่กล่าวว่าเขารอคอยที่จะลงนามข้อตกลงเหล่านี้เมื่อสองประเทศหยุดยิง

ทั้งสองฝ่ายได้ตกลงกันในหลักการการสงบศึกแล้ว แต่ในขณะเดียวกันก็กล่าวหาอีกฝ่ายหนึ่งว่าบ่อนทำลายความพยายามในการสร้างสันติภาพ และกล่าวหากันเกี่ยวกับการใช้ระเบิดลูกปรายและการโจมตีโรงพยาบาล

ทางการไทยระบุว่ามีทหารเสียชีวิต 9 นาย และพลเรือน 14 คน ขณะที่กัมพูชายืนยันว่ามีพลเรือนเสียชีวิต 8 คน และทหารเสียชีวิต 5 นาย

ด้านกองทัพไทยระบุว่าได้ส่งคืนศพทหารกัมพูชา 12 นายที่เสียชีวิตในการสู้รบ

ประชาชนมากกว่า 138,000 คน หลบหนีออกจากพื้นที่ชายแดนของไทย ขณะที่อีกประมาณ 140,000 คน ต้องอพยพออกจากบ้านเรือนในกัมพูชา.