รอยเตอร์ - กระทรวงตำรวจของเวียดนามได้ตกลงซื้อเฮลิคอปเตอร์ล็อกฮีด มาร์ติน 2 ลำ ตามการระบุของแหล่งข่าว 3 รายที่ทราบเรื่องการเจรจาดังกล่าว ในความเคลื่อนไหวที่ถือเป็นข้อตกลงด้านความมั่นคงที่สำคัญนับตั้งแต่วอชิงตันยกเลิกมาตรการคว่ำบาตรด้านอาวุธกับประเทศที่ปกครองด้วยระบอบคอมมิวนิสต์แห่งนี้เมื่อทศวรรษที่แล้ว
ข้อตกลงนี้เกิดขึ้นหลังจากกระทรวงความมั่นคงสาธารณะของเวียดนามได้เจรจากับบริษัทด้านการป้องกันของสหรัฐฯ หลายแห่งเพื่อจัดซื้อเฮลิคอปเตอร์มาอย่างยาวนานตั้งแต่ปี 2565 เป็นอย่างน้อย และแหล่งข่าวหลายรายระบุว่าบริษัทล็อกฮีด มาร์ติน กำลังเจรจากับกระทรวงกลาโหมของเวียดนามเพื่อขายเครื่องบินขนส่งทางทหาร C-130
ประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้แห่งนี้ที่พึ่งพาอาวุธจากรัสเซียเป็นอย่างมาก พยายามที่จะกระจายคลังอาวุธของตนมานานหลายปี และขณะนี้ เวียดนามกำลังเจรจากับรัฐบาลทรัมป์เกี่ยวกับองค์ประกอบสำคัญของข้อตกลงด้านภาษี ที่มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการรักษาการเข้าถึงตลาดส่งออกที่ใหญ่ที่สุดของประเทศ
หนึ่งในแหล่งข่าวระบุว่านักบินเวียดนามได้รับการฝึกอบรมเฮลิคอปเตอร์ Sikorsky ของบริษัทล็อกฮีด มาร์ตินแล้ว พร้อมระบุว่าข้อตกลงนี้มีมูลค่ามากกว่า 100 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และอาจรวมเฮลิคอปเตอร์อื่นๆ เพิ่มเติมในภายหลัง
อย่างไรก็ตาม แหล่งข่าวไม่ได้ระบุถึงรุ่นของเฮลิคอปเตอร์ที่กำลังหารือ แต่กล่าวว่านักบินกำลังฝึกอบรมกับเฮลิคอปเตอร์ S-92 ที่ใช้งานในหลายประเทศทั้งด้านพลเรือนและทางทหาร
แหล่งข่าวอีก 2 ราย ที่ได้รับข้อมูลสรุปเกี่ยบกับการเจรจายืนยันว่าเวียดนามได้ตกลงที่จะจัดซื้อเฮลิคอปเตอร์ของล็อกฮีด มาร์ติน 2 ลำ แต่ไม่ได้ให้ข้อมูลเกี่ยวกับราคาและรุ่น
แหล่งข่าวทั้งหมดปฏิเสธที่จะเปิดเผยชื่อเนื่องจากข้อมูลยังไม่เปิดเผยต่อสาธารณะ
นับตั้งแต่มาตรการคว่ำบาตรด้านอาวุธต่อเวียดนามถูกยกเลิกในปี 2559 ข้อตกลงด้านความมั่นคงของสหรัฐฯ กับอดีตศัตรูจำกัดอยู่เพียงเรือหน่วยยามฝั่งและเครื่องบินฝึก ที่อาจนำไปสู่การจัดซื้อเครื่องบินทหาร
ล็อกฮีด มาร์ติน กล่าวว่าข้อคำถามเกี่ยวกับการจัดซื้อควรส่งตรงไปยังรัฐบาลเวียดนาม แต่ทั้งกระทรวงความมั่นคงสาธารณะและกระทรวงการต่างประเทศของเวียดนามต่างไม่ตอบกลับคำขอแสดงความคิดเห็นจากรอยเตอร์
ทั้งนี้ รัฐสภาเวียดนามได้อนุมัติในเดือนมิ.ย. 2565 ให้จัดตั้งหน่วยตำรวจเคลื่อนที่ปราบปรามอาชญากรรม การก่อการร้าย และการจลาจล ที่จำเป็นต้องใช้เฮลิคอปเตอร์ในการปฏิบัติงาน ตามข้อมูลของรัฐบาล
เจ้าหน้าที่สหรัฐฯ กล่าวว่าวอชิงตันมองว่าเวียดนามเป็นผู้เล่นหลักในด้านความมั่นคงของภูมิภาค และยินดีที่จะส่งเสริมการป้องกันประเทศของเวียดนาม โดยเฉพาะอย่างยิ่งในทะเลจีนใต้ ที่มักมีความขัดแย้งกับจีนเกี่ยวกับเขตแดนที่เป็นข้อพิพาท
แต่การสนับสนุนตำรวจอาจทำให้เกิดการถกเถียงมากขึ้น ด้วยรายงานฉบับล่าสุดของกระทรวงการต่างประเทศของสหรัฐฯ เกี่ยวกับสิทธิมนุษยชนในเวียดนาม ที่เผยแพร่ในปี 2566 ได้เตือนถึงการฝ่าฝืนและการละเมิดสำคัญของกองกำลังความมั่นคงของประเทศ
แต่กระทรวงการต่างประเทศของเวียดนามระบุว่ารายงานดังกล่าวมีความอคติลำเอียงและไม่ถูกต้อง
แม้แหล่งข่าวจะไม่ได้เชื่อมโยงข้อตกลงจัดซื้อกับการเจรจาภาษี แต่เจ้าหน้าที่เวียดนามและสหรัฐฯ ได้กล่าวซ้ำแล้วซ้ำเล่าว่าการจัดซื้อยุทโธปกรณ์ของสหรัฐฯ จะช่วยเสริมสถานะของฮานอยในการเจรจาข้อตกลงการค้าฉบับสมบูรณ์
ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐฯ ประกาศเมื่อต้นเดือนก.ค. ที่ผ่านมา เกี่ยวกับข้อตกลงเรียกเก็บภาษี 20% สำหรับสินค้าเวียดนามที่นำเข้ามายังสหรัฐฯ และภาษี 40% สำหรับสินค้าถ่ายลำ ขณะที่สินค้าที่ส่งออกจากสหรัฐฯ ไปยังเวียดนามปลอดภาษี
อย่างไรก็ตาม ฝ่ายฮานอยพูดถึงเพียงกรอบข้อตกลงเบื้องต้น และว่าขณะนี้การเจรจายังคงดำเนินอยู่เพื่อให้ได้ข้อสรุปของข้อตกลง.