เอเอฟพี - โดรนของรัฐบาลทหารพม่าที่มุ่งเป้าโจมตีกลุ่มต่อต้านการรัฐประหารพลัดตกลงในฝั่งไทย ตามการระบุของทหารไทย ซึ่งนำไปสู่การประท้วงอย่างเป็นทางการเกี่ยวกับวัตถุอันตรายจากสงครามกลางเมืองที่ล้ำเข้ามาในเขตแดน
พื้นที่ทางภาคตะวันตกของไทยมักได้รับผลกระทบจากความขัดแย้งที่ลุกลามอยู่ในพม่านับตั้งแต่กองทัพโค่นล้มรัฐบาลพลเรือนที่ได้รับเลือกตั้งในปี 2564
การหนีทหารของกองกำลังฝ่ายรัฐ การหลบหนีของผู้ลี้ภัยพลเรือน และผู้อพยพทางเศรษฐกิจที่สิ้นหวัง มักเดินทางข้ามพรมแดนที่ติดต่อกันเป็นระยะทางกว่า 2,400 กิโลเมตรโดยไม่ได้รับอนุญาต
ทหารไทยระบุว่าพบโดรนกามิกาเซ่ในป่าของจ.ตาก ห่างจากชายแดนประมาณ 15 กิโลเมตร เมื่อวันจันทร์
“ไม่มีพลเรือนได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิต และไม่มีทรัพย์สินได้รับความเสียหาย” คำแถลงที่ออกในคืนวันอังคารระบุ
“จากการสอบสวนเบื้องต้นชี้ว่าโดรนลำดังกล่าวเป็นของกองทัพพม่าและตั้งใจใช้โจมตีกองกำลังต่อต้าน แต่เสียการควบคุมและตกลงในฝั่งไทย” คำแถลงระบุ
คำแถลงของกองทัพระบุว่าทีมเก็บกู้วัตถุระเบิดได้ทำลายวัตถุระเบิดและได้มีการยื่นหนังสือประท้วงอย่างเป็นทางการเกี่ยวกับเหตุการณ์ดังกล่าวผ่านหน่วยงานเจรจาชายแดน
รัฐบาลทหารของพม่าและกลุ่มติดอาวุธฝ่ายตรงข้ามหลายกลุ่มต่างอาศัยโดรนในการโจมตีมากขึ้นเรื่อยๆ เพื่อให้ได้เปรียบเชิงยุทธศาสตร์ในสงครามกลางเมือง ที่ขณะนี้ยืดเยื้อมานานกว่า 4 ปีแล้ว
รายงานของโครงการข้อมูลสถานที่และเหตุการณ์ความขัดแย้งทางอาวุธ (ACLED) ซึ่งเป็นองค์กรที่รวบรวมข้อมูลเหตุการณ์ความขัดแย้งทั่วโลกระบุว่า พม่าอยู่ในอันดับ 3 ของโลกรองจากยูเครนและรัสเซีย สำหรับจำนวนเที่ยวบินโดรนในการปฏิบัติการทางทหาร
“การเข้าถึง ความสะดวกในการปรับเปลี่ยนดัดแปลง และความคุ้มค่าของโดรนทำให้ทั้งกลุ่มต่อต้านและกองทัพสามารถบรรลุเป้าหมายทางทหารได้ ขณะเดียวกันยังช่วยให้การสูญเสียชีวิตจากการสู้รบลดน้อยลง” รายงานระบุ.