MGR ออนไลน์ - อัตราภาษีใหม่ที่เกิดขึ้นหลังการเจรจากับผู้แทนการค้าสหรัฐฯ และคาดว่าจะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 1 ส.ค. โดยกัมพูชาได้รับจดหมายจากทรัมป์ ที่ระบุว่าอัตราภาษีดังกล่าวยังน้อยกว่าอัตราที่จำเป็นเพื่อลดการขาดดุลการค้าที่มีกับกัมพูชาเป็นจำนวนมาก และสหรัฐฯ ยังคงเปิดรับการเจรจาจนถึงวันที่ 1 ส.ค. ที่จะมีผลบังคับใช้
ภาษีของสหรัฐฯ ต่อสินค้านำเข้าจากกัมพูชาได้ปรับลดลงเหลือ 36% จาก 49% ที่เป็นอัตราสูงสุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เมื่อมีการประกาศครั้งแรกเมื่อวันที่ 2 เม.ย. แต่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ กล่าวว่าอัตราภาษีดังกล่าวยังน้อยกว่าอัตราภาษีที่สหรัฐฯ พยายามลดการขาดดุลการค้ากับกัมพูชา
อัตราภาษีใหม่นี้เกิดขึ้นหลังการเจรจาระหว่างกัมพูชาและผู้แทนการค้าสหรัฐฯ และคาดว่าจะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 1 ส.ค. โดยรัฐบาลสหรัฐฯ ได้ส่งจดหมายไปยัง 14 ประเทศเมื่อวันจันทร์ ตามการรายงานของทำเนียบขาว
จดหมายที่ลงนามโดยทรัมป์ส่งถึงนายกรัฐมนตรีฮุน มาเนต ของกัมพูชา ระบุว่า ภาษีนำเข้า 36% นั้นน้อยกว่าที่จำเป็นในการขจัดความเหลื่อมล้ำด้านการค้าที่สหรัฐฯ มีกับกัมพูชา
“เราใช้เวลาหลายปีกับการเจรจาหารือเกี่ยวกับความสัมพันธ์ทางการค้าของเรากับกัมพูชา และได้ข้อสรุปว่าเราต้องเลิกการขาดดุลการค้าระยะยาวและต่อเนื่องเหล่านี้ ที่เกิดจากนโยบายด้านภาษีและไม่ใช่ภาษี และอุปสรรคทางการค้าของกัมพูชา น่าเสียดายที่ความสัมพันธ์ของเรานั้นยังห่างไกลจากการตอบแทนซึ่งกันและกัน” ทรัมป์ระบุ
ผู้นำสหรัฐฯ ยังเตือนว่ากัมพูชาอาจต้องเสียภาษีเพิ่มเติมหากตัดสินใจขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจากสหรัฐฯ รวมถึงสินค้าถ่ายลำเพื่อเลี่ยงภาษีที่สูงขึ้น
“ไม่ว่าคุณจะเลือกขึ้นภาษีจำนวนเท่าใด ตัวเลขนั้นจะถูกเพิ่มเข้าไปใน 36% ที่เราเรียกเก็บ” คำเตือนที่ทรัมป์ยังส่งถึง 14 ประเทศ ที่รวมถึงญี่ปุ่นและเกาหลีใต้ ที่มีอัตราภาษีสูงกว่าที่ประกาศในเดือนเม.ย.
เขาอธิบายว่าภาษีของสหรัฐฯ เป็นสิ่ง ‘จำเป็น’ เพื่อแก้ไขนโยบายภาษีและไม่ใช่ภาษี และอุปสรรคทางการค้าของกัมพูชาที่ดำเนินมาหลายปี ที่ถูกกล่าวหาว่านำไปสู่การขาดดุลการค้าที่ไม่ยั่งยืนต่อสหรัฐฯ
“การขาดดุลนี้เป็นภัยคุกคามต่อเศรษฐกิจของเรา และแน่นอนว่ารวมถึงความมั่นคงของชาติด้วย” ทรัมป์กล่าวกับฮุน มาเนต
นอกจากกัมพูชาแล้ว ไทยถูกเรียกเก็บภาษีในอัตราเดียวกันคือ 36% ลดลงจาก 37% ขณะที่พม่าและลาวถูกเรียกเก็บ 40% จาก 44% และ 48% ตามลำดับ
เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา เวียดนามได้รับการปรับลดภาษีเหลือ 20% จาก 46% ซึ่งเป็นหนึ่งในไม่กี่ประเทศแรกที่บรรลุข้อตกลงการค้า
อย่างไรก็ตาม ทรัมป์เสนอขึ้นภาษีสินค้าจากมาเลเซียเป็น 25% จากเดิม 24% และยังคงอัตราภาษีกับอินโดนีเซียที่ 32%
ทรัมป์ระบุว่าเขาจะพิจารณาปรับขึ้นหรือลดลง ขึ้นอยู่กับความสัมพันธ์กับกัมพูชาหรือประเทศอื่นๆ หากขจัดอุปสรรคทางการค้าทั้งหมด
ในกัมพูชา มีการประชุมทั้งทางไกลและประชุมแบบพบหน้าระหว่างสุน จันทอล รองนายกรัฐมนตรี และจาม นิมล รัฐมนตรีกระทรวงพาณิชย์ ที่เป็นตัวแทนการเจรจาการค้า กับผู้ช่วยผู้แทนการค้าสหรัฐฯ ประจำเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และแปซิฟิก ตั้งแต่เดือนพ.ค. โดยร่างข้อตกลงได้รับการตรวจสอบและตกลงกันในระหว่างการประชุมครั้งล่าสุด
ก่อนหน้านี้ สุน จันทอล ที่เป็นรองประธานคนแรกของสภาเพื่อการพัฒนากัมพูชา กล่าวกับสำนักข่าวคีรีโพสต์ว่าเขาไม่สามารถพูดคุยถึงกระบวนการเจรจาภาษีได้ เนื่องจากเขาได้ลงนามในข้อตกลงไม่เปิดเผยข้อมูล
“เรากำลังพยายามมองในแง่ดีเกี่ยวกับเรื่องนี้จนกว่าเราจะรู้ผล” สุน จันทอล กล่าว
สหรัฐฯ เป็นตลาดส่งออกรายใหญ่ที่สุดของกัมพูชา ที่การค้าทวิภาคีมีมูลค่ามากกว่า 10,000 ล้านดอลลาร์ในปี 2567 โดยการส่งออกไปยังสหรัฐฯ เพียงอย่างเดียวมีมูลค่า 9,900 ล้านดอลลาร์ ทำให้สหรัฐฯ ขาดดุลการค้า 9,600 ล้านดอลลาร์ สินค้าส่งออกส่วนใหญ่ประกอบด้วยเครื่องนุ่งห่ม รองเท้า และสินค้าการเดินทาง
อุตสาหกรรมและคนงานต่างวิตกเกี่ยวกับผลของการเจรจา โดยผลสำรวจของ Better Factories Cambodia พบว่าครึ่งหนึ่งของโรงงานผลิตเครื่องนุ่งห่ม รองเท้า และสินค้าการเดินทาง 203 แห่ง เผชิญกับความไม่แน่นอนในการดำเนินงานในช่วง 3 เดือนข้างหน้า เนื่องจากนโยบายภาษีและความเชื่อมั่นของผู้ซื้อที่ลดลง.