MGR ออนไลน์ - ชาวพม่ามากกว่า 12,000 คน ที่ต้องอพยพออกจากพื้นที่เนื่องจากการสู้รบอย่างดุเดือดในเมืองสะกายซึ่งได้รับผลกระทบจากแผ่นดินไหวอยู่แล้วกำลังต้องการอาหารและที่พักพิงอย่างเร่งด่วน อาสาสมัครให้ความช่วยเหลือและคนในพื้นที่ระบุ
ผู้พลัดถิ่นจำนวนมากมาจากหมู่บ้านที่ได้รับความเสียหายจากแผ่นดินไหวขนาด 7.7 แมกนิจูด ที่เขย่าพื้นที่ภาคกลางของพม่าในช่วงปลายเดือนมี.ค.
ผู้คนในพื้นที่ต่างพากันอพยพหลบหนีหลังจากกองกำลังทหารและกองกำลังติดอาวุธที่เป็นพันธมิตรกับกองทัพรวมกว่า 300 คน เข้าโจมตีเมืองมิงกุน ที่อยู่ห่างจากเมืองมัณฑะเลย์ราว 1 ชั่วโมง เมื่อวันที่ 11 มิ.ย. และกองกำลังทหารอีกชุดหนึ่งพร้อมด้วยรถหุ้มเกราะและปืนใหญ่ได้เข้าโจมตีหมู่บ้านต่างๆ ที่อยู่ตามถนนสายสะกาย-ชเวโบ ตั้งแต่วันที่ 17 มิ.ย. ส่งผลให้เกิดการปะทะกับกลุ่มต่อต้าน ที่ทำให้ชาวบ้านจากหมู่บ้านกว่า 30 แห่ง ต้องอพยพหลบหนีการสู้รบ
“ชาวบ้านต้องอพยพออกจากที่อยู่อาศัยเป็นเวลานานกว่า 2 สัปดาห์แล้ว” ชาวเมืองสะกาย ที่กำลังช่วยเหลือผู้พลัดถิ่น ระบุ
“รัฐบาลทหารใช้เครื่องบินขับไล่โจมตีผู้พลัดถิ่นในศูนย์พักพิง และยังโจมตีด้วยปืนใหญ่ทุกวัน ทำให้ผู้คนต้องอพยพจากที่หนึ่งไปอีกที่หนึ่ง และพวกเขาไม่มีอาหารเพียงพอ” ชาวเมืองสะกาย กล่าว
มีรายงานระบุว่ากองพันของรัฐบาลทหารในเมืองซาตอง ที่อยู่ระหว่างเมืองสะกายและเมืองชเวโบ พร้อมด้วยกองพันรถถัง 6005 กำลังยิงถล่มถนนชเวโบ-สะกาย ทุกวัน และโจมตีที่พักพิงชั่วคราวของผู้อพยพ ทำให้ชาวบ้านต้องหนีเข้าไปอยู่ในป่า
การปะทะกันที่เกิดขึ้นและการปิดกั้นถนนทำให้การจัดส่งความช่วยเหลือไปยังพลเรือนที่พลัดถิ่นเป็นเรื่องยากลำบาก
“เรากำลังพยายามหาสถานที่ปลอดภัย ผู้คนคิดว่าการโจมตีจะไม่ยาวนานขนาดนี้ เนื่องจากการโจมตีครั้งก่อนใช้เวลาไม่นาน ดังนั้นพวกเขาเลยไม่ได้นำอาหารติดมาด้วยมากนัก การสู้รบยังดำเนินไปอย่างดุเดือด และดูเหมือนว่าเราจะยังไม่สามารถกลับไปได้ในเร็วๆ นี้ การโจมตีเกิดขึ้นกะทันหันมากจนชาวบ้านบางส่วนหนีตัวเปล่า เราต้องการอาหารและที่พัก กองกำลังพิทักษ์ประชาชนกำลังช่วยเหลือเรา แต่ยังไม่เพียงพอ เพราะสถานการณ์ยากลำบากขึ้นทุกวัน” ชาวบ้านรายหนึ่ง กล่าว
กองกำลังของรัฐบาลทหารเริ่มเคลื่อนกำลังเข้าเมืองมิงกุนเมื่อปลายเดือนมี.ค. ในความพยายามที่จะยึดครองพื้นที่แม่น้ำและถนนยาว 20 กิโลเมตร ระหว่างเมืองสะกายและเมืองมิงกุน แต่การต่อต้านจากกลุ่มต่อต้านในพื้นที่ทำให้การรุกคืบของฝ่ายทหารหยุดชะงัก ขณะที่ชาวบ้านอพยพออกไปยังพื้นที่ปลอดภัย กองกำลังของรัฐบาลทหารได้เข้ายึดหมู่บ้าน 3 แห่งที่อยู่ริมถนนและใช้หมู่บ้านเหล่านั้นเป็นฐานในการโจมตีหมู่บ้านอื่นๆ
ชาวเมืองมิงกุนกล่าวว่าชาวบ้านติดอยู่ในพื้นที่ ที่ถูกปิดกั้นไม่ให้เข้าถึงเมืองสะกายได้ เนื่องจากการต่อสู้เกิดขึ้นตามแนวถนน และถูกตัดขาดจากเมืองมัณฑะเลย์เนื่องจากรัฐบาลทหารห้ามการสัญจรในแม่น้ำอิรวดี
“เราสามารถหนีไปได้แค่ที่เมืองมิงกุน เนินเขามินวุน หรือเกาะกลางแม่น้ำ บ้านในหมู่บ้านของเราพังเสียหายจากแผ่นดินไหว ตอนนี้เราต้องหนีกันอีกรอบ เราโดนโจมตีถึง 2 ครั้ง” ชาวบ้านกล่าว
เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา กองกำลังทหารของรัฐบาลได้จุดไฟเผาบ้านเรือนทั้ง 600 หลัง ในหมู่บ้านมิงกุนใต้ และจับกุมชาวบ้าน
“พวกเขาบุกโจมตีและเผาหมู่บ้าน หลังจากกราดยิงและทิ้งระเบิดจากเฮลิคอปเตอร์ระหว่างการสู้รบ กองกำลังภาคพื้นดินยิงแบบไม่เลือกหน้าและจับทุกคนที่พบเจอ ผู้คนต่างพากันหลบหนีเอาชีวิตรอด หมู่บ้านของเราเป็นที่ตั้งวัดของพระมิงกุน ซายาดอว์ เราไม่รู้ว่าวัดยังอยู่ดีหรือไม่” ชาวบ้าน กล่าว
พระมิงกุน ซายาดอว์ เป็นพระภิกษุที่ได้รับการเคารพนับถือมากที่สุดรูปหนึ่งของประเทศซึ่งมรณภาพแล้ว โดยท่านเป็นที่รู้จักและได้รับการยกย่องจากการทำหน้าที่สำคัญในการสังคายนาพระพุทธศาสนาครั้งที่ 6.