เอเอฟพี - การเลือกตั้งที่วางแผนโดยรัฐบาลทหารที่ปกครองพม่าเป็นกลอุบายเพื่อแสร้งทำเป็นว่าถูกต้องตามกฎหมายมีความชอบธรรม และประชาคมโลกควรปฏิเสธการเลือกตั้งที่เป็นเรื่องหลอกลวงนี้ ผู้เชี่ยวชาญของสหประชาชาติระบุ
พม่าเผชิญกับความขัดแย้งรุนแรงมาตั้งแต่เดือนก.พ. 2564 เมื่อกองทัพเข้าโค่นล้มรัฐบาลพลเรือนของอองซานซูจี
กองทัพระบุว่ากำลังวางแผนที่จะจัดการเลือกตั้งทั่วไปตามระบอบประชาธิปไตยแบบหลายพรรคที่เสรีและยุติธรรม ในช่วงปลายปีนี้หรือต้นปี 2569
แต่ทอม แอนดรูว์ ผู้รายงานพิเศษของสหประชาชาติว่าด้วยสถานการณ์สิทธิมนุษยชนในพม่ากล่าวว่าข้อเสนอที่ว่าการเลือกตั้งที่เป็นประชาธิปไตยอย่างแท้จริงสามารถจัดขึ้นได้ในพม่าที่อยู่ภายใต้การควบคุมของรัฐบาลทหารนั้นเป็นเรื่องน่าขัน
“พวกเขาต้องการหาทางออกจากแรงกดดันของนานาชาติ” ทอม แอนดรูว์ กล่าว
นับตั้งแต่การรัฐประหารในปี 2564 การคว่ำบาตรทางการค้าทำให้พม่าโดดเดี่ยว ส่งผลให้พม่าต้องพึ่งพาจีนและรัสเซียมากขึ้นในด้านการสนับสนุนทางการทหารและทางเศรษฐกิจ
พล.อ.อาวุโส มิน อ่อง หล่าย ก็อยู่ภายใต้การคว่ำบาตรจากทั่วโลกหลายครั้ง และอัยการสูงสุดของศาลอาญาระหว่างประเทศได้พยายามออกหมายจับเขาในข้อกล่าวหาก่ออาชญากรรมต่อมนุษยชาติต่อชาวมุสลิมโรฮิงญาของประเทศ
“รัฐบาลทหารพม่าพยายามสร้างภาพลวงตาของการเลือกตั้งที่จะสร้างรัฐบาลพลเรือนที่ถูกต้องตามกฎหมาย” ทอม แอนดรูว์ กล่าว
“แต่คุณไม่สามารถจัดการเลือกตั้งได้เมื่อคุณจำคุก ทรมาน และสังหารฝ่ายตรงข้าม เมื่อการรายงานความจริงในฐานะนักข่าวเป็นสิ่งผิดกฎหมาย เมื่อการพูดแสดงความเห็นและวิพากษ์วิจารณ์รัฐบาลทหารเป็นสิ่งผิดกฎหมาย เป็นเรื่องสำคัญที่ประเทศต่างๆ ต้องปฏิเสธแนวคิดการเลือกตั้งนี้ และไม่อนุญาตให้รัฐบาลทหารพยายามหลบหนีออกจากการฉ้อโกงนี้” แอนดรูว์ กล่าวเสริม
แอนดรูว์ ที่เป็นผู้เชี่ยวชาญอิสระที่ได้รับมอบหมายจากคณะมนตรีสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ แต่ไม่ได้พูดในนามของสหประชาชาติเอง ได้เน้นย้ำว่ามีผู้คนมากกว่า 6,800 คน เสียชีวิตในพม่านับตั้งแต่เกิดการรัฐประหาร
ในขณะเดียวกัน เขากล่าวว่ามีนักโทษการเมืองราว 22,000 คน ยังคงถูกคุมขัง ที่ส่วนใหญ่มีความผิดเพียงการใช้สิทธิขั้นพื้นฐานของตนเอง รวมถึงการแสดงความเห็นและเข้าร่วมการชุมนุมต่อต้านรัฐบาลทหารที่โหดร้าย โดยตัวอย่างล่าสุดคือผู้หญิงชาวพม่ารายหนึ่งถูกรัฐบาลทหารจับกุมตัวในข้อหาเผยแพร่โฆษณาชวนเชื่อจากการโพสต์เฟซบุ๊กอวยพรวัดเกิดให้กับอองซานซูจี.