รอยเตอร์ - นายกรัฐมนตรีฝ่าม มีง จีง ของเวียดนาม ระบุว่าเขาคาดหวังว่าจะมีข้อตกลงการค้ากับสหรัฐฯ ก่อนคำสั่งระงับเรียกเก็บภาษีตอบโต้ 46% สำหรับสินค้าส่งออกของเวียดนามสิ้นสุดลงในต้นเดือนก.ค.นี้
ในการอภิปรายหัวข้อ ‘ศตวรรษแห่งเอเชียกำลังเผชิญกับความท้าทายหรือไม่’ ระหว่างการประชุมเศรษฐกิจโลก ที่เมืองเทียนจิน ผู้นำเวียดนามกล่าวว่ารัฐบาลเวียดนามได้ติดต่อสื่อสารกับรัฐบาลทรัมป์เกี่ยวกับภาษีอยู่บ่อยครั้ง
“ผมหวังว่าคุณจะเห็นว่าผลลัพธ์จะออกมาเร็วกว่า 2 สัปดาห์ เวียดนามและสหรัฐฯ มีความเข้าใจอย่างลึกซึ้งเกี่ยวกับภาษีศุลกากร ผมหวังว่าจะมีสิ่งดีๆ เกิดขึ้นกับเรา” นายกฯ จีง กล่าว
เวียดนาม ที่เป็นศูนย์กลางการผลิตสำคัญในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ได้จัดการเจรจากับสหรัฐฯ มาหลายรอบแล้ว โดยรอบล่าสุดเสร็จสิ้นเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ซึ่งเวียดนามพยายามที่จะหลีกเลี่ยงการถูกเรียกเก็บภาษีนำเข้า 46% ที่เดิมกำหนดขึ้นเนื่องจากเวียดนามมีดุลการค้าเกินดุลกับวอชิงตันเป็นจำนวนมาก
สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่าสหรัฐฯ ได้ยื่นรายการข้อเรียกร้องทางการค้ากับฮานอย ที่เจ้าหน้าที่เวียดนามระบุว่าไม่ใช่เรื่องง่าย และยังกดดันให้เวียดนามลดการใช้เทคโนโลยีจีนในอุปกรณ์ที่ประกอบในประเทศก่อนส่งออกไปยังสหรัฐฯ
เวียดนามมีดุลการค้าเกินดุลกับสหรัฐฯ สูงถึง 12,200 ล้านดอลลาร์ในเดือนพ.ค. ที่เพิ่มขึ้นเกือบ 42% เมื่อเทียบปีต่อปี และเพิ่มขึ้นจากเดือนเม.ย. ถึง 17% ตามข้อมูลของรัฐบาล นอกจากนี้ การส่งออกไปยังสหรัฐฯ ยังพุ่งสูง 42% จากปีก่อน เป็น 13,800 ล้านดอลลาร์ ที่นับเป็นตัวเลขสูงสุดหลังการระบาดของโควิด
ภายใต้แรงกดดันจากวอชิงตัน ฮานอยได้ทวีความพยายามในการปราบปรามการถ่ายลำอย่างผิดกฎหมาย ที่ส่วนใหญ่เกี่ยวข้องกับสินค้าจากจีน นอกจากนี้ เวียดนามยังได้แสดงความเต็มใจที่จะลดอุปสรรคทางกาค้าที่ไม่ใช่ภาษี และขยายการนำเข้าสินค้าจากสหรัฐฯ รวมถึงเครื่องบิน ผลิตภัณฑ์ทางการเกษตร และพลังงาน แม้ว่าจะยังไม่มีการประกาศข้อตกลงการซื้อขายอย่างเป็นทางการก็ตาม.