เอเอฟพี - เวียดนามระบุว่ากำลังลดช่องว่างในการเจรจาการค้ากับวอชิงตัน แต่ประเด็นปัญหาสำคัญยังคงไม่ได้รับการแก้ไข ในขณะที่เวียดนามพยายามหาทางเลี่ยงการถูกเรียกเก็บภาษีนำเข้า 46% ของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์
เวียดนามเป็นประเทศที่มีดุลการค้าเกินดุลกับสหรัฐฯ มากเป็นอันดับ 3 รองจากจีนและเม็กซิโก และเป็นหนึ่งในประเทศที่ได้รับผลกระทบมากที่สุดจากการเรียกเก็บภาษีทั่วโลกของทรัมป์
เจ้าหน้าที่เวียดนามและสหรัฐฯ ได้จัดการเจรจาไปแล้ว 3 รอบ โดยพยายามหาข้อยุติก่อนที่การระงับการเรียกเก็บภาษีเป็นเวลา 90 วัน จะสิ้นสุดลงในช่วงต้นเดือนก.ค.
“ทีมเจรจาของเวียดนามและสหรัฐฯ มีความคืบหน้าอย่างมาก โดยลดช่องว่างในทุกด้านของการเจรจา ทั้งสองฝ่ายได้หารือกันอย่างตรงไปตรงมาและสร้างสรรค์ในประเด็นที่กังวลของแต่ละประเทศ” คำแถลงของกระทรวงการค้าเวียดนามระบุ หลังการเจรจาเป็นเวลา 4 วัน สิ้นสุดลงในวอชิงตันเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา
แต่คำแถลงยังระบุว่าการประชุมจะยังคงดำเนินต่อไปทางออนไลน์ เพื่อหารือเกี่ยวกับประเด็นที่ยังไม่ได้รับการแก้ไข และทั้งสองฝ่ายตกลงที่จะจัดการเจรจาทางออนไลน์ระหว่างรัฐมนตรีกระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯ และรัฐมนตรีกระทรวงการค้าเวียดนาม
สหรัฐฯ เป็นตลาดส่งออกอันดับ 1 ของเวียดนาม ด้วยมูลค่า 57,000 ล้านดอลลาร์ในช่วง 5 เดือนแรกของปี 2568 ที่เพิ่มขึ้นจาก 44,000 ล้านดอลลาร์ ในช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน โดยสิ่งทอและรองเท้าเป็นสินค้าหลักที่ส่งไปยังลูกค้าสหรัฐฯ
ในการประกาศเรียกเก็บภาษีนำเข้าในเดือนเม.ย. ทรัมป์อ้างว่าเวียดนามเก็บภาษีสหรัฐฯ สูงถึง 90% โดยอ้างจากดุลการค้าของเวียดนามที่เกินดุล 123,500 ล้านดอลลาร์เมื่อปีก่อน
รัฐบาลสหรัฐฯ ยังไม่พอใจเกี่ยวกับสิ่งที่มองว่าเป็นบทบาทของเวียดนามในการพยายามหลีกเลี่ยงภาษีที่เรียกเก็บจากจีน
แต่ด้วยเวียดนามมีบทบาทสำคัญในห่วงโซ่อุปทานโลก ทำให้หลายฝ่ายรวมถึงบริษัทสหรัฐฯ ในประเทศ เรียกร้องให้ทำเนียบขาวยกเลิกการเรียกเก็บภาษีดังกล่าว.