MGR Online - กองทัพโกก้างและตะอั้งเตรียมส่งมอบเมืองแสนหวีและหนองเขียวคืนแก่กองทัพพม่า หลังถูกลูกยุจากประเทศตะวันตกให้ก่อกวนเส้นทางสายไหมของจีน เปิดปฏิบัติการ 1027 รบเอาเป็นเอาตาย สูญเสียทหารหนุ่ม-สาวไปหลายนาย เพื่อยึดหลายเมืองในรัฐฉานเอาไว้ แต่ไม่สามารถปกครองเมืองเหล่านี้ได้
วานนี้ (9 มิ.ย.) สำนักข่าว Tai TV Online รายงานว่า กองทัพโกก้าง (MNDAA) ได้ตกลงจะคืนเมืองแสนหวีที่ยึดเอาไว้ ให้กลับไปอยู่ภายใต้การดูแลของกองทัพพม่าแน่นอนแล้ว โดยคาดว่าจะส่งมอบคืนได้ประมาณเดือนกันยายน 2568 ที่จะถึงนี้
เมืองแสนหวีอยู่ทางตอนเหนือของเมืองล่าเสี้ยวในภาคเหนือของรัฐฉาน เป็นจุดบรรจบของทางหลวงหมายเลข 3 ที่มาจากด่านชายแดนหมู่เจ้ กับทางหลวงหมายเลข 34 ที่มาจากด่านชายแดนชิงส่วยเหอ ซึ่งเป็น 2 ด่านการค้าสำคัญของเมียนมาและจีน โดยสินค้าที่มีการซื้อขายกันระหว่าง 2 ประเทศ ทั้งด้านการนำเข้าและส่งออกผ่านด่านชายแดนทั้ง 2 แห่ง ต้องถูกขนส่งผ่านเมืองแสนหวีทั้งสิ้น
เมื่อกลางปี 2567 กองทัพโกก้าง กองทัพตะอั้ง(TNLA) และกองทัพอาระกัน(AA) ที่จับมือกันในนามพันธมิตรภาคเหนือ ร่วมกับ PDF หรือกองกำลังติดอาวุธของรัฐบาลเงา(NUG) ที่ได้รับการสนับสนุนจากประเทศตะวันตก ได้เปิดปฏิบัติการ 1027 นำกำลังบุกยึดฐานที่มั่นของทหารพม่าในหลายเมืองของรัฐฉานเหนือเอาไว้
เมืองต่างๆที่ถูกยึด เช่น เมืองแสนหวี ล่าเสี้ยว จ๊อกแม สีป้อ และหนองเขียว ล้วนตั้งอยู่ตามแนวทางหลวงหมายเลข 3 ที่เป็นเส้นทางขนส่งสินค้าหลักของระเบียงเศรษฐกิจจีน-เมียนมา ภายใต้ข้อริเริ่ม 1 แถบ 1 เส้นทาง(BRI) ของจีน
รัฐบาลจีนได้เข้ามาเป็นตัวกลาง จัดประชุมกันระหว่างกองทัพพม่ากับกองทัพโกก้างและกองทัพตะอั้ง รวมถึงได้สร้างแรงกดดันหลายรูปแบบแก่กองกำลังติดอาวุธชาติพันธุ์ทั้ง 2 เพื่อให้กองทัพโกก้างและตะอั้งนำเมืองที่ยึดเอาไว้ส่งคืนแก่กองทัพพม่า เพื่อไม่ให้เป็นอุปสรรคต่อการขนส่งสินค้าตามแนวทางหลวงหมายเลข 3
วันที่ 22 เมษายนที่ผ่านมา กองทัพโกก้างตกลงคืนเมืองล่าเสี้ยวให้แก่กองทัพพม่า และล่าสุด ก็ตกลงจะส่งมอบเมืองแสนหวีคืนให้อีก 1 เมืองดังกล่าว
ด้านสำนักข่าว Ngao Leng Mun Mai มีรายงานเมื่อวานนี้(9 มิ.ย.) เช่นกันว่า กองทัพตะอั้งที่ร่วมกับ PDF หลายกลุ่ม บุกยึดเมืองหนองเขียวเอาไว้ได้ตั้งแต่เมื่อวันที่ 10 กรกฎาคม 2567 ได้บีบบังคับให้ PDF ที่เป็นสหายร่วมรบ ถอนกำลังทั้งหมดออกจากเมืองหนองเขียว กลับไปอยู่ในพื้นที่มัณฑะเลย์ ภายใน 3 วัน
ทหาร PDF รายหนึ่งให้สัมภาษณ์ว่า การถอนกำลังออกในครั้งนี้ เนื่องจากกองทัพตะอั้งจะเตรียมส่งมอบเมืองหนองเขียวคืนแก่กองทัพพม่า
เมืองหนองเขียวขึ้นกับจังหวัดจ๊อกแม เป็นพื้นที่รอยต่อระหว่างรัฐฉานเหนือกับภาคมัณฑะเลย์ ตั้งอยู่ตรงจุดยุทธศาสตร์สำคัญของระเบียงเศรษฐกิจจีน-เมียนมา เพราะเป็นคอขวดบนทางหลวงหมายเลข 3 โดยเป็นหุบเขาลึกที่เรียกว่าหุบเขาก๊กเทค ด้านบนเป็นสะพานรถไฟก๊กเทคอายุกว่า 100 ปี ที่อังกฤษสร้างเอาไว้ตั้งแต่สมัยเป็นเจ้าอาณานิคม ส่วนข้างล่างเป็นถนนเล็กๆที่วิ่งลัดเลาะ คดเคี้ยว ไปตามหุบเขาสูงขัน และด้านล่างสุดเป็นสะพานข้ามลำน้ำเล็กๆที่เรียกว่าสะพานก๊กตวิน
การที่กองทัพตะอั้งสามารถยึดเมืองหนองเขียวเอาไว้ได้ เท่ากับกองทัพตะอั้งได้ควบคุมเส้นทางขนส่งสินค้าของจีนและเมียนมาผ่านทางหลวงหมายเลข 3 เอาไว้แล้วมากกว่า 80% เพราะถนนในหุบเขาก๊กเทค หากมีรถเสีย หรือเกิดอุบัติเหตุ หรือถูกปิด มีผลต่อเนื่องถึงทางหลวงหมายเลข 3 เกือบทั้งเส้น โดยเฉพาะส่วนที่อยู่ในรัฐฉาน ที่อาจต้องเป็นอัมพาตไปหลายวัน
ตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ 2568 เป็นต้นมา เมืองหนองเขียวได้กลายเป็นสมรภูมิสู้รบรุนแรง เพราะกองทัพพม่าได้เสริมทั้งกำลังพลและอาวุธ รวมถึงมีการใช้อากาศยานบุกโจมตีเมืองหนองเขียวอย่างหนัก เพื่อจะยึดเมืองหนองเขียวกลับคืนมาให้ได้