รอยเตอร์ - สหรัฐฯ ส่งรายการคำขอที่ ‘ยาก’ จำนวนมากให้กับเวียดนามในการเจรจาภาษี ที่รวมถึงข้อเรียกร้องที่อาจบังคับให้เวียดนามต้องลดพึ่งพาการนำเข้าสินค้าอุตสาหกรรมจากจีน แหล่งข่าว 2 รายเผยกับรอยเตอร์
วอชิงตันต้องการให้โรงงานในเวียดนามลดการใช้วัตถุดิบและส่วนประกอบจากจีน และขอให้เวียดนามควบคุมการผลิตและห่วงโซ่อุปทานอย่างระมัดระวังมากขึ้น หนึ่งในแหล่งข่าวระบุ แต่ไม่ได้ให้รายละเอียดว่าได้รวมเป้าหมายเชิงปริมาณด้วยหรือไม่
รายงานดังกล่าวเป็นส่วนหนึ่งของภาคผนวกของเนื้อหากรอบการทำงานที่จัดเตรียมโดยผู้เจรจาของสหรัฐฯ ตามการระบุของแหล่งข่าว 4 รายที่ทราบเรื่องนี้
หนึ่งในแหล่งข่าวที่สามารถเข้าถึงเอกสารได้โดยตรงกล่าวว่า รายการดังกล่าวถูกส่งไปยังกรุงฮานอยเมื่อปลายเดือนพ.ค. หลังเสร็จสิ้นการเจรจารอบที่ 2 กับวอชิงตัน ที่มีเป้าหมายเพื่อเลี่ยงภาษีตอบโต้ 46% กับสินค้าที่นำเข้าจากเวียดนาม
แหล่งข่าวปฏิเสธที่จะเปิดเผยชื่อเนื่องจากการเจรจาดังกล่าวไม่ได้เปิดเผยต่อสาธารณะ
รอยเตอร์ได้รายงานเมื่อวันจันทร์ว่ารัฐบาลทรัมป์ต้องการให้ประเทศต่างๆ เสนอข้อเสนอที่ดีที่สุดในการเจรจาการค้าภายในวันพุธ โดยอ้างถึงร่างจดหมายที่ส่งถึงคู่เจรจา
อย่างไรก็ตาม ยังไม่ชัดเจนว่าประเทศใดได้รับจดหมายดังกล่าว แต่จดหมายนี้มุ่งเป้าไปที่ประเทศที่อยู่ระหว่างการเจรจา ที่รวมถึงการประชุมและการแลกเปลี่ยนเอกสาร ซึ่งวอชิงตันได้มีส่วนร่วมในการเจรจาดังกล่าวกับประเทศต่างๆ รวมถึงเวียดนาม สหภาพยุโรป ญี่ปุ่น และอินเดีย
แหล่งข่าวระบุว่าคำขอของสหรัฐฯ ถึงเวียดนามนั้น ‘ยาก’ และ ‘ลำบาก’ แต่ยังไม่ชัดเจนว่าฮานอยจะตอบสนองต่อคำขอของวอชิงตันอย่างไร และจะส่งข้อเสนอของตนภายในวันพุธหรือไม่
ผู้แทนการค้าของสหรัฐฯ ไม่ตอบสนองต่อคำร้องขอความคิดเห็นจากรอยเตอร์นอกเวลาทำการของสหรัฐฯ ด้านกระทรวงการค้าของเวียดนามไม่ได้ตอบกลับคำขอความคิดเห็นจากรอยเตอร์เช่นกัน
แหล่งข่าวที่ได้รับข้อมูลสรุปเกี่ยวกับเรื่องนี้กล่าวว่า หากคำขอของสหรัฐฯ ที่ให้เวียดนามลดการพึ่งพาจีนได้รับการตอบสนอง คำขอดังกล่าวอาจกลายเป็นความท้าทายอย่างรุนแรงต่อเศรษฐกิจของประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เนื่องจากอุตสาหกรรมการผลิตที่กว้างขวางของประเทศ ซึ่งผลิตสินค้าอุปโภคบริโภค รวมถึงอุปกรณ์ของ Apple และรองเท้า Nike มีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับห่วงโซ่อุปทานของเพื่อนบ้านยักษ์ใหญ่
ความเคลื่อนไหวนี้อาจทำให้นโยบายของเวียดนามในการรักษาความสัมพันธ์อันดีกับจีน ที่เป็นนักลงทุนต่างชาติรายใหญ่แต่ก็ยังเป็นแหล่งปัญหาด้านความมั่นคงเนื่องจากความขัดแย้งในการอ้างสิทธิในทะเลจีนใต้ มีความซับซ้อนยิ่งขึ้น
เวียดนามส่งออกไปยังสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นเกือบ 3 เท่าตั้งแต่สงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ-จีน เริ่มขึ้นในปี 2561 เมื่อรัฐบาลทรัมป์สมัยแรกได้กำหนดอัตราภาษีสูงขึ้นกับปักกิ่ง ที่ผลักดันให้ผู้ผลิตบางรายต้องย้ายการผลิตไปทางใต้
แต่ในขณะที่การส่งออกไปยังสหรัฐฯ ขยายตัว เวียดนามยังขยายการนำเข้าจากจีนเพิ่มขึ้นเช่นกัน โดยการไหลเข้าเกือบตรงกับมูลค่าและการส่งออกไปยังสหรัฐฯ ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ซึ่งแต่ละรายการมีมูลค่ารวมอยู่ที่ประมาณ 140,000 ล้านดอลลาร์ในปี 2567 ข้อมูลจากสหรัฐฯ และเวียดนามระบุ
เจ้าหน้าที่สหรัฐฯ กล่าวหาเวียดนามมานานว่าถูกใช้เป็นจุดเปลี่ยนเส้นทางสำหรับสินค้าจีนที่ส่งไปยังสหรัฐฯ และบางครั้ง ข้อกล่าวหาระบุว่า สินค้าถูกติดป้าย ‘ผลิตในเวียดนาม’ แม้จะไม่มีการเพิ่มมูลค่าในประเทศหรือเพิ่มขึ้นไม่เพียงพอก็ตาม ทำให้ผู้ส่งออกจีนสามารถเลี่ยงภาษีที่สูงของสหรัฐฯ ต่อสินค้าของตนได้
ทางการเวียดนามตระหนักถึงคำวิพากษ์วิจารณ์ของสหรัฐฯ จีงได้เริ่มการปราบปรามการขนถ่ายสินค้าผิดกฎหมาย แต่ผลกระทบต่อกระแสการค้ายังไม่ชัดเจน เนื่องจากการส่งออกไปยังสหรัฐฯ และการนำเข้าจากจีนยังคงแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ในเดือนเม.ย. ตามข้อมูลล่าสุด
อย่างไรก็ตาม เวียดนามได้แสดงถึงความเต็มใจที่จะลดอุปสรรคทางการค้าที่ไม่ใช่ภาษีศุลกากร และนำเข้าสินค้าจากสหรัฐฯ มากขึ้นสอดคล้องกับคำขอของวอชิงตัน
ในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ได้ย้ำถึงแผนการซื้อเครื่องบินจากสหรัฐฯ และได้ลงนามหรือให้คำมั่นในข้อตกลงที่ไม่ผูกมัดหลายฉบับ รวมถึงการซื้อผลิตภัณฑ์ทางการเกษตรและพลังงาน
แต่อย่างไรก็ตาม สิ่งเหล่านั้นอาจไม่เพียงพอเนื่องจากผู้เจรจาของสหรัฐฯ กำลังมองหาข้อตกลงที่แท้จริง หนึ่งในแหล่งข่าวระบุ.