ทัพตะอั้งบีบชาวบ้านร่วมรับเคราะห์! หลังพม่ารุกหนักยึดคืนหนองเขียว

MGR Online - กองทัพตะอั้งบีบชาวบ้านร่วมรับเคราะห์ หลังทหารพม่ารุกหนักหวังยึดคืนเมืองหนองเขียว ใช้วิธีให้กำลังพลไปตั้งฐานในชุมชนที่ยังมีคนอาศัยอยู่ หวังให้ชาวบ้านถูกลูกหลงหากถูกบุกโจมตี ซ้ำสั่งผู้ที่ลี้ภัยอยู่ในวัดให้ออกนอกวัด ท่ามกลางดงกระสุนที่สาดใส่กันของทั้ง 2 ฝั่ง

วันนี้ (24 พ.ค.) สำนักข่าว Ngao Leng Mun Mai มีรายงานการสู้รบที่เมืองหนองเขียว จังหวัดจ๊อกแม รัฐฉานเหนือ ระหว่างกองทัพพม่ากับกองทัพตะอั้ง(TNLA) ว่า ล่าสุด กองทัพพม่าสามารถบุกยึดหมู่บ้านตะแยตโฉ่ คืนจากกองทัพตะอั้งได้อีก 1 จุด โดยมีทหารตะอั้งเสียชีวิตอย่างน้อย 1 นาย


ก่อนหน้านี้ เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 22 พฤษภาคม เครื่องบินของกองทัพอากาศพม่า ได้บินมาทิ้งระเบิดลงในเมืองหนองเขียว 4 ลูก เพื่อกดดันให้กองทัพตะอั้งถอนกำลังออกจากเมืองหนองเขียว

ตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ 2568 เป็นต้นมา เมืองหนองเขียวได้กลายเป็นสมรภูมิสู้รบรุนแรงระหว่างกองทัพพม่ากับกองทัพตะอั้ง เพราะกองทัพพม่าได้เสริมกำลังพลจำนวนมากเข้ามาเพื่อต้องการยึดพื้นที่เมืองหนองเขียวคืน หลังกองทัพตะอั้งจับมือกับ PDF หรือกองกำลังติดอาวุธของรัฐบาลเงา(NUG) บุกยึดเมืองหนองเขียวเอาไว้ได้ในปฏิบัติการ 1027 รอบ 2 เมื่อกลางปีที่แล้ว(2567)

เมืองหนองเขียวเป็นพื้นที่รอยต่อระหว่างรัฐฉานเหนือกับภาคมัณฑะเลย์ ตั้งอยู่ตรงจุดยุทธศาสตร์สำคัญของระเบียงเศรษฐกิจจีน-เมียนมา เพราะเป็นคอขวดบนทางหลวงหมายเลข 3 ที่เป็นเส้นทางหลักสำหรับขนส่งสินค้าที่จีนและเมียนมาซื้อขายกัน


ช่วงรอยต่อระหว่างรัฐฉานกับมัณฑะเลย์ในเมืองหนองเขียวเป็นหุบเขาลึกที่เรียกว่าหุบเขาก๊กเทค ด้านบนเป็นสะพานรถไฟก๊กเทคอายุกว่า 100 ปี ที่อังกฤษสร้างเอาไว้ตั้งแต่สมัยเป็นเจ้าอาณานิคม ส่วนข้างล่างเป็นถนนเล็กๆที่วิ่งลัดเลาะ คดเคี้ยว ไปตามหุบเขาสูงขัน และด้านล่างสุดเป็นสะพานข้ามลำน้ำที่เรียกว่าสะพานก๊กตวิน

การที่กองทัพตะอั้งสามารถยึดเมืองหนองเขียวเอาไว้ได้ เท่ากับกองทัพตะอั้งได้ควบคุมเส้นทางขนส่งสินค้าของจีนและเมียนมาผ่านทางหลวงหมายเลข 3 เอาไว้แล้วมากกว่า 80% เพราะถนนในหุบเขาก๊กเทค หากมีรถเสีย หรือเกิดอุบัติเหตุ หรือถูกปิด มีผลต่อเนื่องถึงทางหลวงหมายเลข 3 เกือบทั้งเส้น โดยเฉพาะส่วนที่อยู่ในรัฐฉาน ที่อาจต้องเป็นอัมพาตไปหลายวัน

เมื่อปลายเดือนเมษายนที่ผ่านมา จีนเป็นคนกลางจัดประชุมระหว่างกองทัพพม่าและกองทัพตะอั้งที่เมืองคุนหมิง มณฑลยูนนาน แต่ทั้ง 2 กองทัพไม่สามารถบรรลุข้อตกลงใดๆได้ เนื่องจากกองทัพตะอั้งปฏิเสธข้อเรียกร้องของกองทัพพม่าที่ต้องการให้ส่งมอบพื้นที่หลายเมืองที่กองทัพตะอั้งยึดเอาไว้ รวมถึงเมืองหนองเขียวคืน แก่กองทัพพม่า

Ngao Leng Mun Mai รายงานว่า ตั้งแต่ปลายเดือนเมษายน กองทัพพม่าได้ส่งเครื่องบินมาทิ้งระเบิดลงในหลายเมืองที่อยู่ภายใต้การครอบครองของกองทัพตะอั้ง ได้แก่ เมืองกุ๊ตหรือโมโก๊ะ ในภาคมัณฑะเลย์ เมืองหม่านโต่ง เมืองจ๊อกแม เมืองง่อ และเมืองหนองเขียว


สำหรับในเมืองหนองเขียวนั้น กองทัพตะอั้งใช้วิธีส่งกำลังพลไปตั้งฐานไว้ในหมู่บ้านที่ยังมีชาวบ้านอาศัยอยู่ เช่น ในบ้านอุ่มตี บ้านตางแพ บ้านคกน้ำ บ้านสามเสือ บ้านนาค้อ เพื่อให้ชาวบ้านเหล่านี้ร่วมเป็นเหยื่อ ได้รับผลกระทบไปด้วย หากถูกทหารพม่าบุกโจมตีหรือมีเครื่องบินมาทิ้งระเบิด

มีรายงานว่า ระหว่างวันที่ 14-18 พฤษภาคม ทหารตะอั้งได้ใช้อาวุธปืนยิงชาวบ้านที่หลบซ่อนอยู่ในวัดเขียวคำ มีชาวบ้านถูกยิงเสียชีวิต 2 ราย และได้รับบาดเจ็บ 1 คน

วัดเขียวคำ ตั้งอยู่ริมถนนถนนหนองเขียว-เมืองกุ๊ต ในเขตบ้านตางคอยอุ่มไม้ ห่างจากตัวเมืองหนองเขียวลงไปทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ประมาณ 20 กิโลเมตร ในวัดแห่งนี้มีชาวบ้านหนองเขียวหนีภัยสู้รบจากในตัวเมืองมาซ่อนตัวอยู่หลายร้อยคน(โปรดดูแผนที่ประกอบ)

สำนักข่าว Shan News รายงานว่า เมื่อวันที่ 20 พฤษภาคม กองทัพตะอั้งได้ออกคำสั่งถึงชาวบ้านหนองเขียวที่ซ่อนตัวอยู่ในวัดเขียวคำให้ย้ายออกไปจากวัดทั้งหมดภายในวันที่ 27 พฤษภาคม โดยไม่บอกเหตุผล สร้างความหวาดกลัวแก่ชาวบ้านเหล่านี้ซึ่งส่วนใหญ่เป็นผู้หญิงและคนชรา เพราะหากชาวบ้านเดินออกจากวัด ก็จะกลายเป็นเป้ากระสุน ทั้งจากฝั่งกองทัพพม่าและฝั่งกองทัพตะอั้ง ที่กำลังสู้รบกันอยู่