เอพี - เฮลิคอปเตอร์ของกองทัพพม่าเกิดเหตุตกในเขตพื้นที่ต่อสู้ในภาคเหนือของประเทศ ขณะเดินทางกลับจากภารกิจจัดส่งเสบียงให้ฐานทหาร หนังสือพิมพ์ของทางการพม่าระบุ
รายงานจากหนังสือพิมพ์เมียนมาร์อาลินระบุว่าเฮลิคอปเตอร์ขนส่งตกในรัฐกะฉิ่นเกิดจากความผิดพลาดทางเทคนิค แต่อย่างไรก็ตาม กลุ่มติดอาวุธชนกลุ่มน้อยชาติพันธุ์กลุ่มหนึ่งที่ต่อสู้กับกองทัพได้อ้างความรับผิดชอบว่าเป็นผู้ยิงเฮลิคอปเตอร์ตก
รายงานระบุว่าการค้นหาและกู้ภัยกำลังดำเนินการอยู่ และให้ข้อมูลว่าอุบัติเหตุดังกล่าวเกิดขึ้นไม่นานหลังจากเฮลิคอปเตอร์ขนส่งทหารได้จัดส่งสิ่งของให้กับทหารที่อยู่ในด่านหน้าในเมืองพะโม ของรัฐกะฉิ่น ห่างจากเมืองมัณฑะเลย์ เมืองใหญ่อันดับ 2 ของประเทศ ไปทางตะวันออกเฉียงเหนือราว 280 กิโลเมตร
รายงานเหตุการณ์เฮลิคอปเตอร์ตกที่เป็นเนื้อหาของรัฐบาลทหารออกอากาศครั้งแรกทางโทรทัศน์ของรัฐในคืนวันอังคาร ไม่กี่ชั่วโมงหลังสื่อออนไลน์อิสระรายงานว่ากลุ่มติดอาวุธชาติพันธุ์กะฉิ่นและนักสู้ของฝ่ายสนับสนุนประชาธิปไตยที่เป็นพันธมิตรกัน ได้ยิงเฮลิคอปเตอร์กองทัพตก 1 ลำ จากทั้งหมด 3 ลำ
เว็บไซต์เมียนมาร์นาวและมิตจีนานิวส์เจอร์นัล รายงานอ้างคำกล่าวของโฆษกกองทัพเอกราชกะฉิ่น ที่ระบุว่ากองกำลังของเขาได้โจมตีเฮลิคอปเตอร์ 2 ลำ และหนึ่งในนั้นตกลงในป่าใกล้เมืองฉ่วยกู ขณะที่อีกลำหนึ่งลงจอดฉุกเฉินในบริเวณใกล้เคียงได้สำเร็จ
สำนักข่าวกะฉิ่นอีกแห่งหนึ่งได้เผยแพร่ภาพถ่ายและวิดีโอของสิ่งที่ถูกอ้างว่าเป็นซากเฮลิคอปเตอร์ รวมถึงศพนักบิน
คำกล่าวอ้างเกี่ยวกับการยิงเครื่องบินตกนั้นยากที่จะยืนยันความถูกต้องได้อย่างอิสระเนื่องจากข้อจำกัดที่เข้มงวดกับสื่อและความห่างไกลของสถานที่ต่อสู้ที่เกิดขึ้น
พม่าอยู่ในความขัดแย้งทางอาวุธทั่วประเทศหลังจากกองทัพโค่นล้มรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งของอองซานซูจีในปี 2564 พื้นที่ชายแดนเช่นรัฐกะฉิ่น เกิดการต่อสู้อยู่เป็นระยะมานานหลายสิบปี ขณะที่ชนกลุ่มน้อยที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ดังกล่าวแสวงหาสิทธิในการปกครองตนเอง
กองทัพเอกราชกะฉิ่นเป็นหนึ่งในกลุ่มติดอาวุธชนกลุ่มน้อยชาติพันธุ์ที่แข็งแกร่ง ที่สามารถผลิตอาวุธบางส่วนได้เองและนักสู้ของกลุ่มมีประสบการณ์การสู้รบมายาวนาน
กลุ่มกะฉิ่นมีความสัมพันธ์ที่ดีกับกองกำลังติดอาวุธของขบวนการสนับสนุนประชาธิปไตย หรือที่รู้จักในชื่อกองกำลังพิทักษ์ประชาชน ที่ก่อตั้งขึ้นเพื่อต่อสู้กับการปกครองของทหาร หลังการยึดอำนาจในปี 2564 กองกำลังทั้งสองได้ต่อสู้กับกองทัพไม่เพียงแค่ในรัฐกะฉิ่นเท่านั้น แต่ยังในภาคสะกายที่อยู่ติดกันด้วย
กองทัพพม่าสูญเสียเฮลิคอปเตอร์ไปอย่างน้อย 5 ลำ และเครื่องบินขับไล่ 3 ลำ นับตั้งแต่ยึดอำนาจ กองกำลังต่อต้านอ้างหลายครั้งว่าได้โจมตีเครื่องบินทหาร แต่คำกล่าวอ้างเหล่านี้ไม่สามารถยืนยันได้
เครื่องบินรบส่วนใหญ่ของกองทัพพม่ามาจากจีนหรือรัสเซีย ที่ยังจัดหาอาวุธอื่นๆ ให้ด้วย ชาติตะวันตกหลายประเทศยังคงห้ามซื้อขายอาวุธกับพม่าและกำหนดมาตรการคว่ำบาตรอื่นๆ กับกองทัพพม่า.
