MGR ออนไลน์ - ทางการกัมพูชายังคงนิ่งเงียบต่อเหตุการณ์ฟ้าผ่าลงที่ปราสาทนครวัด และทำให้มีผู้เสียชีวิต 3 คน โดยสื่อท้องถิ่นหลายรายได้ลบข่าวดังกล่าวออกไปแล้ว เนื่องจากทางการสั่งปิดข่าว แต่อย่างไรก็ตาม ผู้เชี่ยวชาญและชาวเน็ตต่างระบุว่าการปกปิดเหตุการณ์ดังกล่าวอาจสร้างความเสียหายต่อการท่องเที่ยวกัมพูชา
รายงานของสื่อท้องถิ่นระบุว่ามีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 3 คน และได้รับบาดเจ็บหลายคน หลังจากฟ้าผ่าลงที่ปราสาทนครวัด เมื่อเวลาประมาณ 17.00 น. ของวันที่ 16 พ.ค. และจนถึงขณะนี้ทางการยังไม่ได้ออกคำแถลงใดๆ เกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในโบราณสถานที่มีชื่อเสียงระดับโลกแห่งนี้
สำนักข่าวคีรีโพสต์พยายามติดต่อกับผู้บริหารจ.เสียมราฐ และโฆษกขององค์การอัปสรา เพื่อขอรายละเอียดและยืนยันจำนวนผู้เสียชีวิตและได้รับบาดเจ็บ แต่ไม่ประสบความสำเร็จ ซึ่งจำนวนผู้เสียชีวิตที่แท้จริงของเหตุการณ์ดังกล่าวยังไม่ได้รับการยืนยันแต่อย่างใด
ขณะที่หน้าเพจเฟซบุ๊กของข่าวสดภาษาอังกฤษ ที่อ้างคำพูดของหน่วยงานความมั่นคงของไทยระบุว่า มีผู้เสียชีวิต 3 คน และมีผู้ได้รับบาดเจ็บมากกว่า 10 คน ระหว่างทำพิธีทางศาสนาที่ปราสาท
อย่างไรก็ตาม หลังสื่อออนไลน์ท้องถิ่นรายงานเหตุการณ์ดังกล่าว ทางการกัมพูชาได้ร้องขอไม่ให้ส่งต่อข้อมูลดังกล่าวบนสื่อสังคมออนไลน์ และภายในเวลาไม่กี่ชั่วโมงหลังเกิดเหตุ รัฐมนตรีกระทรวงท่องเที่ยวได้เรียกร้องต่อสาธารณชนผ่านทางเฟซบุ๊กของเขาว่า “อย่าเผยแพร่ข้อมูลเชิงลบใดๆ ที่ส่งผลกระทบต่อการท่องเที่ยว” ซึ่งสื่อท้องถิ่นบางแห่งได้ลบข่าวนี้ออก
ผู้ใช้งานสื่อสังคมออนไลน์ชาวกัมพูชาหลายคนแสดงความเห็นว่าเพจเฟซบุ๊กควรลบข่าวออกเพื่อป้องกันไม่ให้นักท่องเที่ยวรู้สึกวิตกกังวลเกี่ยวกับการเยี่ยมชมนครวัด แต่มีอีกหลายคนให้ความเห็นว่าข่าวนี้ไม่ควรถูกปกปิด แต่ควรให้ทางการจัดการแก้ไขเรื่องดังกล่าวเพื่อรับประกันความปลอดภัยของนักท่องเที่ยว
โฆษกรัฐบาลกัมพูชาแสดงความเห็นบนสื่อสังคมออนไลน์บนบัญชีของ Tang Chhinsothy ว่าสื่อควรงดเว้นการรายงานเหตุการณ์นี้ โดยอ้างถึงเหตุผลในการรักษาผลประโยชน์ของชาติ
ก่อนหน้านี้ Tang Chhinsothy ได้วิพากษ์วิจารณ์การจำกัดการรายงานข่าวของรัฐบาล โดยเขาระบุว่า ‘แม้กระทั่งภัยธรรมชาติก็ไม่สามารถรายงานได้ แล้วสื่อมวลชนจะอยู่รอดได้นานแค่ไหน?”
Ky Veasna อาจารย์ด้านการท่องเที่ยวของมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งในกรุงพนมเปญระบุว่าเหตุการณ์นี้เป็นภัยธรรมชาติ และเน้นย้ำถึงความสำคัญของความโปร่งใส เขากล่าวว่าไม่ควรปกปิดความจริงจากนักท่องเที่ยว เพื่อให้พวกเขาสามารถตัดสินใจได้อย่างถูกต้อง
เขากล่าวว่าเหตุการณ์เช่นนี้มีโอกาสเกิดขึ้น 1 ในล้าน และการปกปิดความจริงอาจเป็นอันตรายต่อชื่อเสียงของจุดหมายปลายทาง
“หากจุดหมายปลายทางปกปิดเหตุร้ายใดๆ โดยเจตนา รวมทั้งภัยธรรมชาติ เมื่อท่องเที่ยวรู้ พวกเขาจะตัดสินใจไม่ไปเยี่ยมชมสถานที่นั้นอีก” Ky Veasna
เขาเน้นย้ำว่าสิ่งที่นักท่องเที่ยวต้องการจริงๆ คือความมั่นใจในความปลอดภัยของพวกเขา และเขายังตั้งคำถามเกี่ยวกับความรับผิดชอบของเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์นี้ด้วย
“เหตุการณ์นี้จะส่งสารอะไรถึงประชาชน? นักท่องเที่ยวจะรู้ได้อย่างไรว่าจะมีความปลอดภัย? แล้วถ้าฝนตกหนักอีกพวกเขาควรทำอย่างไร?” Ky Veasna กล่าวย้ำ
Veasna เชื่อว่าการปิดบังความจริงไม่ควรเป็นแนวทางที่ใช้ในธุรกิจการท่องเที่ยว และเรียกร้องให้ทางการจัดการกับสถานการณ์ ‘ภัยธรรมชาติ’ ด้วยความจริงใจ.
