MGR ออนไลน์ - หลังจากเจรจาอย่างสร้างสรรค์กับผู้แทนของสหรัฐฯ เป็นเวลาหลายสัปดาห์ คณะผู้แทนระดับสูงของกัมพูชาที่นำโดย สุน จันทอล รองนายกรัฐมนตรีและรองประธานสภาเพื่อการพัฒนากัมพูชา (CDC) ได้เดินทางไปยังสหรัฐฯ เพื่อเจรจาเรื่องภาษีศุลกากร และได้แสดงความหวังว่าผลการเจรจาจะออกมาในเชิงบวก
คณะผู้แทนประกอบด้วย รัฐมนตรีกระทรวงพาณิชย์ รัฐมนตรีประจำสำนักนายก และอธิบดีกรมศุลกากรและสรรพสามิต พร้อมด้วยบุคคลสำคัญอื่นๆ ทำให้จำนวนเจ้าหน้าที่ระดับสูงรวมเป็น 19 คน
ก่อนออกเดินทางจากสนามบินนานาชาติพนมเปญเมื่อสุดสัปดาห์ รองนายกรัฐมนตรีได้เน้นย้ำถึงความพยายามอย่างจริงจังของรัฐบาลภายใต้การนำของนายกรัฐมนตรีฮุน มาเนต ว่าการหารืออย่างสร้างสรรค์กับผู้แทนสหรัฐฯ ในช่วงกลางเดือนเม.ย. ได้ปูทางสู่การเจรจาอย่างเป็นทางการที่มีกำหนดไว้ระหว่างวันที่ 13-15 พ.ค.
“แม้จะมีข้อกังวล แต่สหรัฐฯ ก็ยังตกลงที่จะพบหารือกับเรา กัมพูชาเป็นหนึ่งใน 18-20 ประเทศแรกที่ได้รับอนุญาตให้เจรจาเรื่องภาษี ซึ่งถือเป็นโอกาสอันดีในการบรรลุข้อตกลงที่ประสบความสำเร็จที่จะปกป้องความเป็นอยู่และผลประโยชน์ของประชาชนของเรา” สุน จันทอล กล่าว
รองนายกรัฐมนตรีกัมพูชายังกล่าวอีกว่าสหรัฐฯ ยอมรับว่ากัมพูชามีอำนาจซื้อจำกัด โดยกัมพูชานำเข้าสินค้าจากสหรัฐฯ เป็นมูลค่าเพียง 300 ล้านดอลลาร์ต่อปี แต่อเมริกานำเข้าจากกัมพูชาราว 12,000 ล้านดอลลาร์
“เราไม่สามารถสร้างสมดุลการค้ากับพวกเขาได้ และผมยินดีมากที่พวกเขายอมรับความจริงนี้” สุน จันทอล ระบุ
ซวน สัม นักวิเคราะห์นโยบายจากราชบัณฑิตยสถานแห่งกัมพูชาให้สัมภาษณ์สำนักข่าวขแมร์ไทม์ส กล่าวชื่นชมรองนายกรัฐมนตรีและคณะหลังจากได้รับการอนุมัติอย่างเป็นทางการให้หารือกับสหรัฐฯ ในประเด็นดังกล่าว และย้ำว่าความแตกต่างที่สำคัญ 3 ประการระหว่างกัมพูชาและสหรัฐฯ คือ ความแตกต่างในเรื่องของขนาดของประชากร ขนาดเศรษฐกิจ และศักยภาพทางทหาร
“ประชากรของกัมพูชาอยู่ที่ประมาณ 17 ล้านคน ในขณะที่สหรัฐฯ มีมากกว่า 330 ล้านคน ซึ่งมากกว่ากัมพูชาเกือบ 20 เท่า และแสดงให้เห็นถึงความไม่สมดุลทางประชากรอย่างมีนัยสำคัญระหว่างสองประเทศ” ซวน สัม ระบุ
“ในแง่ของเศรษฐกิจ สหรัฐฯ มีเศรษฐกิจใหญ่ที่สุดในโลกเมื่อวัดจากผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (GDP) โดยมีจีดีพีประมาณ 30 ล้านล้านดอลลาร์ เมื่อเทียบกับจีดีพีของกัมพูชาซึ่งอยู่ที่ประมาณ 50,000 ล้านดอลลาร์ ซึ่งต่างอย่างเห็นได้ชัดเกือบ 600 เท่า” นักวิเคราะห์นโยบาย กล่าว
เขากล่าวเสริมว่าในแง่ของความแข็งแกร่งทางทหาร สหรัฐฯ ยังคงเป็นประเทศที่ทรงอำนาจที่สุดในโลก โดยมีระบบอาวุธที่ทันสมัยและมีประสิทธิภาพมากที่สุด รวมถึงเรือรบและเครื่องบินขับไล่ ในทางตรงกันข้าม กัมพูชาเป็นประเทศกำลังพัฒนาแทบไม่มีกำลังซื้อคลังอาวุธทางทหารที่สำคัญ
ซวน สัม ย้ำว่าหากสหรัฐฯ ยอมรับความแตกต่างระหว่างสองประเทศ กัมพูชาจะมีโอกาสสูงที่จะได้ผลลัพธ์ของการเจรจาที่น่าพอใจ แต่หากความคาดหวังของสหรัฐฯ ขึ้นอยู่กับสัดส่วนของปริมาณการค้า กัมพูชาจะไม่สามารถกลับมาพร้อมกับข้อตกลงที่เป็นรูปธรรมใดๆ ได้
อย่างไรก็ตาม เขาได้แสดงความมั่นใจในความสามารถในการเจรจาของรองนายกรัฐมนตรี โดยระบุถึงการถือสองสัญชาติของสุน จันทอล ที่รวมถึงสัญชาติสหรัฐฯ ที่จะทำให้เขาเข้าใจแนวคิดของสหรัฐฯ มากขึ้น และรู้วิธีจัดการกับผลประโยชน์ของสหรัฐฯ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ แต่ขณะเดียวกันก็แสดงความกังวลเกี่ยวกับความสัมพันธ์ทางการเมืองของกัมพูชาที่ใกล้ชิดกับจีนมากขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเยือนกรุงพนมเปญของประธานาธิบดีสี จิ้นผิง เมื่อกลางเดือนเม.ย.
เขาย้ำว่ารัฐบาลกัมพูชาต้องชี้แจงจุดยืนด้านนโยบายของประเทศอย่างชัดเจนต่อสหรัฐฯ และเตือนว่ากัมพูชาจะต้องไม่ดูเหมือนว่าตกอยู่ภายใต้อิทธิพลของจีน มิเช่นนั้นรัฐบาลทรัมป์อาจปฏิเสธข้อตกลงที่เสนอ.