รอยเตอร์ - เวียดนามเผชิญกับความท้าทายมากกว่าโอกาสจากภาษีของสหรัฐฯ แต่ยังคงตั้งเป้าที่จะบรรลุเป้าหมายการเติบโตอย่างน้อย 8% ในปีนี้ นายกรัฐมนตรีของเวียดนามกล่าววันนี้ (5) ก่อนที่การเจรจาการค้ากับวอชิงตันจะเริ่มขึ้นในช่วงปลายสัปดาห์
ประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้แห่งนี้ ที่พึ่งพาการส่งออกอย่างหนักสำหรับการเติบโตทางเศรษฐกิจ กำลังเผชิญกับภาษี 46% หากไม่สามารถเจรจาลดภาษีได้ก่อนที่การระงับเก็บภาษีชั่วคราวเป็นเวลา 90 วันของสหรัฐฯ จะสิ้นสุดลงในเดือนก.ค.
“เราต้องสงบนิ่งและกล้าหาญ และดำเนินมาตรการที่เหมาะสม” นายกรัฐมนตรีฝ่าม มีง จีง กล่าวต่อรัฐสภา
“เวียดนามเป็นหนึ่งในประเทศแรกๆ ที่สหรัฐฯ ตกลงที่จะเจรจาเรื่องภาษี” ผู้นำเวียดนามกล่าว และเสริมว่าการเจรจารอบแรกจะมีขึ้นในวันพุธ
“รัฐบาลทำงานอย่างใกล้ชิดกับทีมเจรจา และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อเร่งจัดทำแผนให้พร้อมสำหรับการเจรจากับสหรัฐฯ” นายกฯ จีง กล่าว
ผู้นำเวียดนามกล่าวว่าภาษีสหรัฐฯ กำลังคุกคามห่วงโซ่อุปทานทั่วโลกและเศรษฐกิจโลก เมื่อปีที่ผ่านมา เวียดนาม ที่เป็นฐานการผลิตระดับภูมิภาคสำคัญสำหรับบริษัทตะวันตกหลายแห่ง มีดุลการค้าเกินดุลกับสหรัฐฯ มากกว่า 123,000 ล้านดอลลาร์
“เรากำลังเผชิญกับความท้าทายมากกว่าโอกาสในปีนี้” ผู้นำเวียดนาม กล่าว และเสริมว่าสงครามการค้ายังเปิดโอกาสให้ประเทศปรับโครงสร้างเศรษฐกิจ
นอกจากนี้ ผู้นำเวียดนามยังกล่าวว่าประเทศจะพยายามเพิ่มการส่งออกไปยัง 17 ตลาดที่ลงนามข้อตกลงการค้าเสรี
เวียดนามจะพยายามส่งเสริมการบริโภคและการลงทุนภาครัฐเพื่อยกระดับโครงสร้างพื้นฐานในปีนี้ ที่รวมถึงการเริ่มงานสร้างทางรถไฟมูลค่าหลายพันล้านดอลลาร์เชื่อมต่อเมืองท่าไฮฟองกับจีน
ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา เวียดนามเผชิญกับปัญหาขาดแคลนไฟฟ้า ที่ส่งผลกระทบต่อโรงงานและครอบครัวในจังหวัดภาคเหนือในช่วงที่มีคลื่นความร้อน
“เราจะไม่ยอมให้ปัญหาขาดแคลนพลังงานเกิดขึ้นในปีนี้ ไม่ว่าจะด้วยกรณีใดๆ ก็ตาม” นายกฯ จีง กล่าว.