xs
xsm
sm
md
lg

ผู้นำเขมรชี้รัฐบาลพัฒนาทุกจังหวัดไม่เฉพาะพนมเปญ ท้านักวิจารณ์เทียบ ยินดีลาออกหากไม่พบความก้าวหน้า

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



MGR ออนไลน์ - นายกรัฐมนตรีฮุน มาเนต ยืนยันว่าการพัฒนาในกัมพูชาไม่ได้จำกัดอยู่แค่กรุงพนมเปญเท่านั้น แต่ยังขยายไปยังจังหวัดต่างๆ ทั่วประเทศอีกด้วย โดยเขาท้านักวิจารณ์ด้วยการประกาศว่าเขายินดีที่จะลาออกหากส่วนใดส่วนหนึ่งของกัมพูชาไม่มีความก้าวหน้าเมื่อเทียบกับสภาพในช่วงทศวรรษ 1980

ผู้นำกัมพูชาแสดงความเห็นดังกล่าวในพิธีเปิดทางหลวงหมายเลข 31, 33 และ 41 ในจ.ตาแก้ว

ฮุน มาเนต เน้นย้ำถึงความมุ่งมั่นของรัฐบาลในการพัฒนาประเทศมาอย่างยาวนาน โดยกล่าวถึงความก้าวหน้าสำคัญที่เกิดขึ้นในช่วง 4 ทศวรรษที่ผ่านมา

“บางคนอ้างว่าบางพื้นที่ยังไม่ได้รับการพัฒนา ยากจนลงเรื่อยๆ ผมขอท้า เลือกจังหวัดใดก็ได้และเปรียบเทียบกับช่วงทศวรรษ 1980 หากไม่มีความก้าวหน้า ผมจะลาออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี” ฮุน มาเนต กล่าวอย่างมั่นใจ

ผู้นำกัมพูชาเปรียบเทียบกับทำงานของรัฐบาลกับกลุ่มฝ่ายค้านในต่างประเทศ โดยกล่าวหาว่าพวกเขาพยายามที่จะยุยงปลุกปั่นให้เกิดการปฏิวัติเพื่อโค่นล้มรัฐบาลที่ถูกต้องตามกฎหมาย

“ในขณะที่พวกเขาพยายามก่อปฏิวัติเพื่อโค่นล้มรัฐบาล เรากำลังก่อการปฏิวัติเพื่อพัฒนาเศรษฐกิจและคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นสำหรับชาวกัมพูชาทุกคน นั่นคือเหตุผลที่เรากำลังสร้างโครงสร้างพื้นฐานเพื่อเชื่อมต่อและปลดล็อกศักยภาพทั่วประเทศ” ผู้นำเขมร กล่าว

อย่างไรก็ตาม ฮุน มาเนต ยอมรับว่าถึงแม้จะมีความก้าวหน้าอย่างเห็นได้ชัด แต่ความต้องการพื้นฐานยังคงมีอยู่ โดยอ้างถึงจ.ตาแก้วเป็นตัวอย่าง และว่าจ.ตาแก้ว แทบไม่มีบ้านมุงจากเหลืออยู่ เนื่องจากถูกแทนที่ด้วยบ้านคอนกรีตและโรงงาน

“ในยุค UNTAC กัมพูชามีถนนที่เหมาะสมอยู่น้อยมาก แต่ตอนนี้ในจ.ตาแก้ว มีรถยนต์อย่างน้อย 1 คันต่อหมู่บ้าน หลายแห่งมีมากกว่านั้น ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความก้าวหน้าอย่างแท้จริงตั้งแต่ทศวรรษ 1990” ฮุน มาเนต กล่าว

ฮุน มาเนต ระบุว่าตัวชี้วัดเชิงบวกของการเติบโตทางเศรษฐกิจ ยังรวมถึงการซื้อรถยนต์เพิ่มขึ้น และมูลค่าทรัพย์สินของครอบครัวเพิ่มขึ้น

เขาย้ำถึงความสำคัญของการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานอย่างต่อเนื่อง เช่น ถนน โรงเรียน โรงพยาบาล และการสร้างงานในท้องถิ่น เพื่อเป็นรากฐานในการปรับปรุงคุณภาพชีวิตของประชาชน และระบุว่าแม้จะมีความไม่แน่นอนทั่วโลก แต่รัฐบาลจะยังคงมุ่งมั่นที่การปกป้องผลประโยชน์ของประชาชน โดยเฉพาะอย่างยิ่งการปกป้องงานในภาคเอกชนและการสร้างความมั่นคงในการดำรงชีพ

ยัง เพือ เลขาธิการราชวิทยาลัยกัมพูชาได้แสดงความเห็นสนับสนุนคำกล่าวอ้างของนายกรัฐมนตรีฮุน มาเนต โดยระบุว่า ความแตกต่างระหว่างกัมพูชาในปัจจุบันกับในทศวรรษที่ 1980 นั้น “กว้างเท่ากับช่องว่างระหว่างพื้นโลกและท้องฟ้า”

ยัง เพือ ระบุว่าหลังจากเขมรแดงล่มสลาย กัมพูชาอยู่ในสภาพย่ำแย่ โครงสร้างพื้นฐานถูกทำลาย ถนน โรงเรียน และโรงพยาบาลพังเสียหาย

ประชาชนดำรงชีวิตอยู่ได้ด้วยการทำเกษตรกรรมเท่านั้น ไม่มีตลาดหรือสินค้าให้ซื้อขาย เลขาธิการราชวิทยาลัยกัมพูชา กล่าว

“แต่ทุกวันนี้ แม้แต่พื้นที่ห่างไกลก็มีไฟฟ้าใช้ ทุกตำบลสามารถเข้าถึงโรงเรียนได้ การพัฒนาสังคมและเศรษฐกิจที่ประสบความสำเร็จในช่วง 40 ปีที่ผ่านมา เป็นสิ่งที่ไม่สามารถปฏิเสธได้” ยัง เพือ กล่าวเสริม.
กำลังโหลดความคิดเห็น