รอยเตอร์ - เวียดนามกำลังพยายามเร่งเจรจาข้อตกลงการค้าเสรีฉบับใหม่ ขณะเดียวกันก็ใช้ประโยชน์จากข้อตกลง 17 ฉบับที่ได้ลงนามไปแล้วให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น เนื่องจากเศรษฐกิจที่พึ่งพาการส่งออกของประเทศกำลังจะเผชิญกับภาษีของสหรัฐฯ
นายกรัฐมนตรีฝ่าม มีง จีง ของเวียดนามได้ออกคำสั่งในคืนวันอังคารเรียกร้องให้กระทรวงการค้าสรุปหรือเริ่มการเจรจาข้อตกลงการค้าเสรีกับอินเดีย บราซิล ปากีสถาน อียิปต์ และตลาดอื่นๆ ในตะวันออกกลาง แอฟริกา ละตินอเมริกา เอเชียกลาง และยุโรปตะวันออก
ศูนย์กลางอุตสาหกรรมในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้แห่งนี้ ถูกรัฐบาลทรัมป์เรียกเก็บภาษีตอบโต้สูงถึง 46% ที่ปัจจุบันถูกระงับถึงเดือนก.ค. ซึ่งหากเริ่มบังคับใช้ อาจส่งผลกระทบต่อรูปแบบการเติบโตที่พึ่งพาการส่งออกไปยังสหรัฐฯ ตลาดหลักของประเทศ และการลงทุนขนาดใหญ่ของผู้ผลิตต่างชาติ
ล่าสุด เวียดนามได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ปราบปรามการฉ้อโกงการค้า การปลอมแปลงสินค้า และปัญหาอื่นๆ ที่สหรัฐฯ มีความกังวล ขณะที่ประเทศเตรียมเริ่มเจรจาเรื่องภาษีกับวอชิงตัน
เวียดนามได้ลงนามข้อตกลงการค้าเสรีทวิภาคีและพหุภาคี 17 ฉบับ รวมถึงความแบบครอบคลุมและก้าวหน้าสำหรับหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจภาคพื้นแปซิฟิก และความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาค รวมถึงข้อตกลงกับสหภาพยุโรป ญี่ปุ่น และเกาหลีใต้ แต่เวียดนามไม่มีข้อตกลงการค้าเสรีกับสหรัฐฯ
ในคำสั่งที่ออกถึงหน่วยงานรัฐและหน่วยงานระดับนครและจังหวัด นายกฯจีงย้ำว่าเวียดนามจะยึดมั่นกับเป้าหมายการเติบโตของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศอย่างน้อย 8% สำหรับปีนี้ ผ่านการใช้มาตรการต่างๆ มากมาย แม้จะเผชิญกับภาษีศุลกากรก็ตาม
“ตั้งแต่เริ่มต้นปี 2568 สถานการณ์โลกได้เห็นพัฒนาการใหม่ๆ ที่ซับซ้อนและคาดเดาไม่ได้ โดยมีการแข่งขันเชิงกลยุทธ์ที่เข้มข้นขึ้นระหว่างประเทศใหญ่ๆ สงครามการค้าที่แพร่กระจายอย่างกว้างขวาง และแนวโน้มเศรษฐกิจโลกที่ตกต่ำลง ซึ่งก่อให้เกิดความยากลำบากและความท้าทายมากมาย” คำสั่งระบุ
ผู้นำเวียดนามยังเรียกร้องให้ธนาคารกลางจัดสรรเงินทุนให้เพียงพอสำหรับการเติบโตทางเศรษฐกิจ ขณะเดียวกันก็ต้องรักษาความปลอดภัยให้กับตลาดแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศและทองคำ และสำหรับระบบธนาคาร
ในคำสั่งยังระบุให้ธนาคารกลางเพิ่มการปล่อยสินเชื่อให้กับคนอายุต่ำกว่า 35 ปี เพื่อซื้อบ้าน และเสนอสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำให้กับบริษัทที่ได้รับผลกระทบจากภาษีศุลกากรของสหรัฐฯ
มาตรการอื่นๆ ยังรวมถึงการเร่งพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน การกระตุ้นการบริโภคในประเทศ และกระตุ้นการลงทุนในด้านการเปลี่ยนแปลงทางดิจิทัลและเทคโนโลยี
นายกฯจีงยังแจ้งให้กระทรวงการค้าสนับสนุนแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซให้ดำเนินนโยบายที่ให้สิทธิพิเศษเพื่อส่งเสริมการบริโภคสินค้าที่ผลิตภายในประเทศและผลิตภัณฑ์ท้องถิ่น และอำนวยความสะดวกในการจัดส่งสินค้าแม้กระทั่งในพื้นที่ห่างไกล.