เอเอฟพี - รัฐบาลทหารพม่ากล่าวว่าจะปล่อยตัวนักโทษเกือบ 5,000 คน ในการนิรโทษกรรมเพื่อฉลองเทศกาลปีใหม่ของประเทศ
กลุ่มสิทธิมนุษยชนกล่าวว่ารัฐบาลทหารได้จับกุมผู้ชุมนุมประท้วงและนักเคลื่อนไหวหลายพันคนตั้งแต่การรัฐประหารในปี 2564 ที่ทำให้การปกครองด้วยระบอบประชาธิปไตยของพม่าต้องหยุดชะงักลง และผลักดันประเทศเข้าสู่สงครามกลางเมืองหลายฝ่าย
การนิรโทษกรรมมักจะประกาศขึ้นในโอกาสสำคัญต่างๆ วันหยุดประจำชาติ หรือวันสำคัญทางพุทธศาสนา แต่ส่วนใหญ่แล้วนักโทษการเมืองที่มีชื่อเสียง รวมถึงอองซานซูจี อดีตผู้นำพลเรือนที่ถูกยึดอำนาจ ยังคงถูกคุมขัง
คำแถลงของรัฐบาลทหารระบุว่านักโทษ 4,893 คน จะได้รับการนิรโทษกรรมเพื่อเข้าร่วมกระบวนการสร้างชาติ เพื่อความสงบสุขในจิตใจของประชาชน และด้วยเหตุผลของความเมตตากรุณา
และเพื่อแสดงถึงความเมตตากรุณาของรัฐ รัฐบาลทหารยังกล่าวอีกว่านักโทษคนอื่นๆ จะได้รับการลดโทษลง 1 ใน 6 ยกเว้นผู้ที่กระทำความผิดร้ายแรง ที่ยังยังรวมถึงการคบค้าสมาคมที่ผิดกฎหมาย การก่อการร้าย การฆาตกรรมและการข่มขืน
รถโดยสารประมาณ 30 คัน ออกจากประตูเรือนจำอินเส่งในย่างกุ้ง เมื่อเวลาประมาณ 11.30 น.
ผู้โดยสารบางส่วนจากหลายร้อยคนลงจากรถไปหาครอบครัวของตนเองเมื่อรถพ้นจากประตูเรือนจำ
รัฐบาลทหารกล่าวว่า ชาวต่างชาติ 13 คน จะได้รับการอภัยโทษและเนรเทศออกจากประเทศ แต่ไม่ได้ให้รายละเอียดเกี่ยวกับตัวตนหรือความผิดของคนเหล่านั้น
การประกาศนิรโทษกรรมครั้งนี้เกิดขึ้นในขณะที่ พล.อ.อาวุโส มิน อ่อง หล่าย ผู้นำรัฐบาลทหารพม่า มีรายงานว่าจะเดินทางไปกรุงเทพฯ เพื่อพบกับนายกรัฐมนตรีมาเลเซีย ที่ดำรงตำแหน่งประธานอาเซียนในปีนี้
ในอดีต สมาคมประชาชาติแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (อาเซียน) ได้ห้ามเจ้าหน้าที่ของรัฐบาลทหารพม่าเข้าร่วมการประชุมสุดยอด เนื่องจากขาดความคืบหน้าในแผนสันติภาพของกลุ่ม
แต่อันวาร์ อิบราฮิม ผู้นำมาเลเซีย กล่าวว่าเขาจะพบกับ พล.อ.อาวุโส มิน อ่อง หล่าย ในวันพฤหัสฯ เพื่อหารือถึงความปลอดภัยของทีมมนุษยธรรมมาเลเซียที่ส่งไปยังพม่า หลังเกิดเหตุแผ่นดินไหวขนาด 7.7 แมกนิจูดเมื่อเดือนก่อน
ทั้งนี้ รัฐบาลทหารพม่ายังไม่ได้ยืนยันถึงการพบหารือดังกล่าว
เทศกาลน้ำตะจานที่กำลังดำเนินอยู่ของพม่า โดยปกติแล้วจะเป็นการเฉลิมฉลองปีใหม่ของประเทศด้วยการสาดน้ำ ที่เป็นสัญลักษณ์ของการชำระล้างและการเริ่มต้นใหม่ แต่การเฉลิมฉลองถูกระงับลงเนื่องจากเหตุแผ่นดินไหวเมื่อวันที่ 28 มี.ค. ในพื้นที่ภาคกลางของประเทศ ที่คร่าชีวิตผู้คนไปอย่างน้อย 3,725 คน ตามยอดผู้เสียชีวิตอย่างเป็นทางการล่าสุด.