เอเอฟพี - เจ้าหน้าที่บรรเทาทุกข์เผยวันนี้ (16) ว่าฝนที่ตกลงมาอย่างหนักในพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบจากแผ่นดินไหวในพม่า ทำให้ผู้รอดชีวิตที่ไร้บ้านอยู่ในสภาพเปียกโชกและทำให้ความพยายามช่วยเหลือบรรเทาทุกข์ล่าช้า
ข้อมูลของสหประชาชาติระบุว่ามีประชาชนราว 60,000 คน อาศัยอยู่ในเต็นท์พักแรมในภาคกลางของพม่า หลังจากเกิดแผ่นดินไหวขนาด 7.7 แมกนิจูดเมื่อ 3 สัปดาห์ก่อน ที่ทำให้บ้านเรือนได้รับความเสียหายและถูกทำลายหลายพันหลัง และคร่าชีวิตผู้คนไปอย่างน้อย 3,700 คน
สหพันธ์สภากาชาดและสภาเสี้ยววงเดือนแดงระหว่างประเทศ (IFRC) ระบุว่าฝนตกหนักเมื่อเวลาประมาณ 19.00 น. ของวันอังคาร ส่งผลให้ถนนและค่ายพักแรมในเมืองมัณฑะเลย์และพื้นที่ใกล้เคียงถูกน้ำท่วม
เมืองมัณฑะเลย์ ที่เป็นเมืองที่มีประชากรมากเป็นอันดับ 2 ของพม่า ได้รับความเสียหายอย่างหนักจากภัยพิบัติเมื่อวันที่ 28 มี.ค. โดยอาคารอพาร์ทเมนต์พังถล่ม ศาสนสถานพังทลาย โรงแรมหลายแห่งพังราบจากแรงสั่นสะเทือนของแผ่นดินไหว
นักข่าวของเอเอฟพีอยู่ในเมืองมัณฑะเลย์เมื่อสุดสัปดาห์ระบุว่าเห็นผู้คนหลายร้อยคนอาศัยอยู่ในเพิงที่ทำจากพลาสติก กระดาษแข็ง และคลุมด้วยผ้าใบที่ทำเป็นบ้านชั่วคราว
“เมื่อฝนตกลงมา สภาพเช่นนี้จะยิ่งเลวร้ายลงอีก” นาเดีย คูรี หัวหน้าคณะผู้แทน IFRC ประจำพม่า กล่าว
พม่ากำลังอยู่ในช่วงเทศกาลตะจานที่โดยปกติแล้วจะเฉลิมฉลองปีใหม่ด้วยการสาดน้ำเพื่อเป็นสัญลักษณ์ของการชำระล้างและเริ่มต้นใหม่ แต่การเฉลิมฉลองดังกล่าวเงียบเหงาลงเนื่องจากประชาชนในประเทศกำลังอยู่ในความโศกเศร้า ขณะที่เจ้าหน้าที่บรรเทาทุกข์และครอบครัวที่ไร้บ้านต่างวิตกกังวลเกี่ยวกับฤดูมรสุมที่กำลังจะมาถึง
“สภาพอากาศเป็นสิ่งที่ท้าทายมาก เราเป็นห่วงเรื่องฝนที่กำลังจะมา” คูรี กล่าว หลังจากเดินทางไปยังพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบหนักที่สุด ซึ่ง IFRC กำลังทำงานร่วมกับสภากาชาดพม่าในช่วง 2 วันที่ผ่านมา
“ความพยายามนี้ต้องดำเนินการโดยเร็วที่สุด เพื่อให้ประชาชนได้มีที่พักพิงถาวร มีสิ่งอำนวยความสะดวกด้านสุขาภิบาลที่ดี และน้ำดื่ม” คูรี กล่าว
บ้านเรือนจำนวนมากยังคงตั้งอยู่แต่เต็มไปด้วยรอยแตกร้าว ซึ่งครอบครัวต่างๆ ต่างหวาดกลัวที่จะกลับเข้าไปอยู่อาศัย เนื่องจากพื้นที่ยังได้รับผลกระทบจากอาฟเตอร์ช็อกอยู่ต่อเนื่อง
อุณหภูมิในช่วงเวลากลางวันพุ่งสูงถึง 44 องศาเซลเซียส เพิ่มความทุกข์ยากให้กับผู้รอดชีวิตในประเทศที่เผชิญกับสงครามกลางเมืองโหดร้ายหลังการรัฐประหารในปี 2564.