รอยเตอร์ - ธุรกิจของสหรัฐฯ และเวียดนามต่างร้องขอให้รัฐบาลทรัมป์ชะลอการปรับขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าเวียดนาม 46% ตามแผน โดยระบุว่าการปรับขึ้นภาษีดังกล่าวจะส่งผลกระทบต่อพวกเขาและความสัมพันธ์ทางการค้าทวิภาคี
หอการค้าและอุตสาหกรรมของเวียดนามและหอการค้าอเมริกันในฮานอยได้แสดงความกังวลผ่านจดหมายลงวันที่ 5 เม.ย. ต่อ ฮาวเวิร์ด ลุตนิก รัฐมนตรีกระทรวงพาณิชย์ของสหรัฐฯ ว่าภาษีดังกล่าวที่จะมีผลบังคับใช้ในวันพุธนั้นสูงอย่างน่าตกใจ
“การลดภาษีนำเข้าสำหรับสินค้าที่เข้ามาในเวียดนามและสำหรับสินค้าที่ส่งถึงผู้บริโภคชาวอเมริกัน จะเป็นสิ่งที่จะช่วยเหลือบริษัท เศรษฐกิจ และผู้บริโภคของสหรัฐฯ” หอการค้าอเมริกัน และหอการค้าและอุตสาหกรรมเวียดนาม ระบุในคำแถลง และเสริมว่าภาษีที่ปรับสูงขึ้นจะไม่เป็นผลดี
ประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้แห่งนี้ ที่เป็นฐานการผลิตระดับภูมิภาคที่สำคัญสำหรับบริษัทตะวันตกหลายแห่ง มีดุลการค้าเกินดุลมากกว่า 123,000 ล้านดอลลาร์กับสหรัฐฯ ที่เป็นจุดหมายปลายทางในการส่งออกที่ใหญ่ที่สุดของเวียดนามเมื่อปีก่อน
ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ และโต เลิม เลขาธิการพรรคคอมมิวนิสต์เวียดนาม ได้เห็นพ้องกันเมื่อวันศุกร์ที่จะหารือข้อตกลงเพื่อยกเลิกภาษี โดยทั้งคู่กล่าวหลังจากการสนทนาทางโทรศัพท์ ที่ทรัมป์ระบุว่าเป็นการเจรจาที่มีความสร้างสรรค์อย่างมาก
แม้กระทั่งก่อนการประกาศในวันพุธเกี่ยวกับการขึ้นภาษีทั่วโลก เวียดนามได้ปรับลดอัตราภาษีลงหลายรายการ ที่เป็นส่วนหนึ่งของการประนีประนอมต่อสหรัฐฯ ที่ยังรวมถึงคำมั่นที่จะจัดซื้อสินค้าของสหรัฐฯ มากขึ้น เช่นเครื่องบิน และผลิตภัณฑ์ทางการเกษตร
หอการค้าอเมริกันและหอการค้าและอุตสาหกรรมเวียดนามระบุว่าข้อตกลงที่รวดเร็วและยุติธรรมจะเพิ่มความแน่นอนให้กับธุรกิจ และจะช่วยแก้ไขความไม่สมดุลทางการค้าระหว่างสองประเทศในลักษณะที่เป็นประโยชน์ต่อทั้งสองประเทศ.