รอยเตอร์ - กลุ่มกู้ภัยที่เดินทางไปถึงพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบหนักที่สุดของพม่าระบุว่ามีความต้องการที่พักพิง อาหาร และน้ำอย่างเร่งด่วน หลังจากเกิดแผ่นดินไหวครั้งใหญ่เมื่อสัปดาห์ก่อน
มีผู้เสียชีวิตมากกว่า 2,000 คน จากแผ่นดินไหวขนาด 7.7 แมกนิจูด ที่เกิดขึ้นในช่วงเที่ยงของวันศุกร์ และเมื่อทีมกู้ภัยเข้าไปในพื้นที่ใกล้กับศูนย์กลางแผ่นดินไหว ก็ทำให้เห็นได้ชัดเจนว่าผู้รอดชีวิตต้องการความพยายามด้านมนุษยธรรมอย่างมหาศาล
“หลังจากเผชิญกับความน่าสะพรึงกลัวของแผ่นดินไหว ผู้คนต่างหวาดผวาอาฟเตอร์ช็อกและต้องนอนอยู่บนถนนหรือที่เปิดโล่ง” เจ้าหน้าที่จากคณะกรรมการกู้ภัยระหว่างประเทศ (IRC) ในเมืองมัณฑะเลย์ กล่าว
“อย่างไรก็ตาม ในเมืองต่างๆ พื้นที่ปลอดภัยนั้นมีน้อย จึงจำเป็นที่จะต้องมีเต็นท์อย่างเร่งด่วน เพราะแม้แต่บ้านที่ยังอยู่ในสภาพดีก็ไม่มีใครกล้าเข้าไปนอน” เจ้าหน้าที่ระบุ
IRC ระบุว่าทีมงานพบว่าผู้คนต้องการการดูแลทางการแพทย์ น้ำดื่ม และอาหารอย่างเร่งด่วนด้วย
สงครามกลางเมืองในพม่า ที่รัฐบาลทหารยึดอำนาจในการรัฐประหารปี 2564 ได้ทำให้ความพยายามเข้าถึงผู้ได้่รับบาดเจ็บและไร้บ้านจากแผ่นดินไหวครั้งใหญ่ที่สุดในรอบศตวรรษของประเทศมีความซับซ้อนยิ่งขึ้นไปอีก
ในเมืองมัณฑะเลย์ ชาวบ้านรายหนึ่งกล่าวว่าผู้คนพยายามที่นำศพออกจากซากปรักหักพังด้วยตัวเอง เนื่องจากไม่มีอุปกรณ์หรือทีมกู้ภัยเพียงพอ และคนในพื้นที่ก็หวาดกลัวอาฟเตอร์ช็อก
“ผู้คนกลับเข้าไปในอาคารในตอนกลางวัน แต่ยังไม่กล้านอนในตอนกลางคืน ผู้คนยังคงนอนอยู่ข้างนอกและเริ่มเจ็บป่วย เนื่องจากพื้นโดนแสงแดดตลอดทั้งหมด มันร้อนมาก” ชาวบ้านรายหนึ่ง กล่าว
สื่อของรัฐรายงานว่ายอดผู้เสียชีวิตของพม่าอยู่ที่ 2,065 คน และมีผู้ได้รับบาดเจ็บมากกว่า 3,900 คน และสูญหายอีก 270 คน รัฐบาทหารได้ประกาศไว้อาลัยเป็นเวลา 1 สัปดาห์ ตั้งแต่วันจันทร์
การควบคุมอย่างเข้มงวดของรัฐบาลทหารต่อเครือข่ายการสื่อสาร และความเสียหายต่อถนน สะพาน และโครงสร้างพื้นฐานอื่นๆ เนื่องจากแผ่นดินไหว ทำให้เจ้าหน้าที่บรรเทาทุกข์เผชิญกับความท้าทายมากขึ้น.