เอเอฟพี - ยอดผู้เสียชีวิตจากเหตุแผ่นดินไหวครั้งใหญ่ที่เกิดขึ้นในพม่าและไทยทะลุ 1,000 คน ในวันนี้ (29) ขณะที่เจ้าหน้าที่กู้ภัยกำลังขุดค้นหาผู้รอดชีวิตจากซากปรักหักพังของอาคารที่พังถล่ม
แผ่นดินไหวขนาด 7.7 แมกนิจูด เกิดขึ้นทางตะวันตกเฉียงเหนือของเมืองสะกาย ทางภาคกลางของพม่าในช่วงบ่าย และตามมาด้วยอาฟเตอร์ช็อกขนาด 6.7 แมกนิจูดในอีกไม่กี่นาทีต่อมา
แผ่นดินไหวครั้งนี้ทำลายอาคารบ้านเรือน สะพานพังถล่ม และถนนชำรุดเสียหายในหลายพื้นที่ของพม่า และพบความเสียหายอย่างหนักในเมืองมัณฑะเลย์ เมืองใหญ่อันดับ 2 ของประเทศ ที่มีประชากรอาศัยอยู่มากกว่า 1.7 ล้านคน
มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 1,002 คน และได้รับบาดเจ็บ 2,400 คน ในพม่าตามคำแถลงของรัฐบาลทหารที่ปกครองประเทศ และมีการยืนยันผู้เสียชีวิตเพิ่มอีกประมาณ 10 คน ในกรุงเทพฯ
แต่เนื่องจากการสื่อสารติดขัดอย่างหนัก ทำให้ขนาดของภัยพิบัติที่แท้จริงเพิ่งเริ่มปรากฎให้เห้นจากประเทศที่ถูกโดดเดี่ยวแห่งนี้ และคาดว่ายอดผู้เสียชีวิตจะเพิ่มสูงขึ้นมาก
จากข้อมูลของนักธรณีวิทยาระบุว่าแผ่นดินไหวครั้งนี้เป็นแผ่นดินไหวครั้งใหญ่ที่สุดในพม่าในรอบหลายทศวรรษ และแรงสั่นสะเทือนรุนแรงพอที่จะสร้างความเสียหายอย่างรุนแรงต่ออาคารต่างๆ ทั่วกรุงเทพฯ ที่อยู่ห่างจากศูนย์กลางแผ่นดินไหวไปหลายร้อยกิโลเมตร
ในเมืองมัณฑะเลย์ นักข่าวของเอเอฟพีได้เห็นเจดีย์อายุหลายศตวรรษพังทลายลงจากแผ่นดินไหว
“มันเริ่มสั่นไหว แล้วจากนั้นก็รุนแรงขึ้น” ทหารที่ประจำด่านตรวจริมถนนนอกเจดีย์ กล่าว
“วัดก็พังลงมา พระรูปหนึ่งมรณภาพ และมีผู้ได้รับบาดเจ็บอีกจำนวนหนึ่ง เราช่วยผู้บาดเจ็บออกมาและนำส่งโรงพยาบาล” ทหารรายเดิม กล่าว
เศียรพระพุทธรูปที่เป็นพระประธานของวัดหล่นลงมา
“ทุกคนในวัดไม่กล้าเข้าไปนอนข้างใน เพราะได้ยินว่าอาจมีแผ่นดินไหวเกิดขึ้นอีก ผมไม่เคยรู้สึกแบบนี้มาก่อนในชีวิต” ทหารกล่าว
เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยที่สนามบินมัณฑะเลย์ระบุว่าสนามบินปิดตั้งแต่เมื่อวาน เพดานถล่ม แต่ไม่มีใครได้รับบาดเจ็บ
ความเสียหายที่เกิดขึ้นกับสนามบินจะทำให้ความพยายามช่วยเหลือบรรเทาทุกข์ในประเทศที่การกู้ภัยและระบบการดูแลสุขภาพได้รับผลกระทบจากสงครามกลางเมืองที่เกิดขึ้นจากการรัฐประหารในปี 2564 อยู่แล้วนั้นยิ่งมีความซับซ้อนมากขึ้น
พล.อ.อาวุโส มิน อ่อง หล่าย ผู้นำรัฐบาลทหารพม่าได้ร้องขอความช่วยเหลือระหว่างประเทศเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา นับเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นได้ยากซึ่งชี้ให้เห็นถึงความรุนแรงของภัยพิบัติครั้งนี้ เนื่องจากรัฐบาลทหารชุดก่อนๆ ปฏิเสธความช่วยเหลือจากต่างประเทศ แม้จะเกิดภัยธรรมชาติครั้งใหญ่ก็ตาม
ทางการพม่าได้ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินใน 6 เขต ที่ได้รับผลกระทบหนักที่สุด หลังจากเกิดแผ่นดินไหว และโรงพยาบาลใหญ่แห่งหนึ่งในกรุงเนปีดอ เมืองหลวงของประเทศ แพทย์ต้องให้การรักษาผู้ได้รับบาดเจ็บในที่โล่งแจ้ง
ข้อเสนอความช่วยเหลือจากต่างประเทศเริ่มทยอยเข้ามา โดยประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐฯ ได้ให้คำมั่นว่าจะให้ความช่วยเหลือ
“มันเป็นสถานการณ์ที่เลวร้ายมาก และเราจะให้ความช่วยเหลือ เราได้พูดคุยกับประเทศนี้แล้ว” ทรัมป์กล่าวกับนักข่าวที่ห้องทำงานรูปไข่
เที่ยวบินแรกจากอินเดียที่บรรทุกสิ่งของบรรเทาทุกข์ ทั้งผ้าห่ม เสบียงอาหารและสิ่งจำเป็นต่างๆ ได้ลงจอดที่ย่างกุ้ง ในวันเสาร์ (29) ขณะที่จีนได้ส่งเจ้าหน้าที่กู้ภัย 82 คน ไปยังพม่าแล้ว
ด้านสำนักข่าว Tass ของรัสเซียรายงานว่ารัสเซียได้ส่งเครื่องบิน 2 ลำ พร้อมเจ้าหน้าที่กู้ภัยและแพทย์ไปยังพม่าเพื่อช่วยเหลือเหยื่อแผ่นดินไหว
หน่วยงานบรรเทาทุกข์เตือนว่าพม่าไม่ได้เตรียมรับมือกับภัยพิบัติในระดับที่รุนแรงเช่นนี้ ประชาชนราว 3.5 ล้านคนต้องพลัดถิ่นจากสงครามกลางเมือง และหลายคนเสี่ยงต่อความอดอยาก แม้กระทั่งก่อนเกิดแผ่นดินไหว.
