เอเอฟพี - ศาลเวียดนามตัดสินจำคุกผู้ต้องหา 8 คน ในวันนี้ (14) จากเหตุไฟไหม้อพาร์ตเมนต์ในกรุงฮานอยเมื่อปี 2566 ที่ทำให้มีผู้เสียชีวิต 56 คน ที่ถือเป็นเหตุเพลิงไหม้ครั้งร้ายแรงที่สุดของประเทศในรอบ 2 ทศวรรษ
อาคารดังกล่าวมีทางออกเพียงทางเดียวและไม่มีบันไดฉุกเฉินอยู่ภายนอก เพื่อนบ้านและผู้อยู่อาศัยรายงานว่าได้ยินเสียงกรีดร้องขณะที่ผู้คนพยายามหนีไฟผ่านทางหน้าต่างเหล็กดัด
ศาลในกรุงฮานอยระบุว่า เจ้าของอาคารสูง 9 ชั้นสมควรได้รับโทษสูงสุดสำหรับเหตุเพลิงไหม้ในเดือน ก.ย.2566 โดยตัดสินว่าเขาละเมิดกฎระเบียบป้องกันอัคคีภัยและสั่งจำคุกเป็นเวลา 12 ปี
อย่างไรก็ตาม ญาติของเหยื่อกล่าวว่าศาลควรให้โทษจำคุกนานกว่านี้
ครอบครัวถูกห้ามไม่ให้พูดคุยกับสื่อนอกศาล ผู้หญิงคนหนึ่งที่ร้องไห้และร้องตะโกนว่าโทษไม่ยุติธรรมถูกกันตัวออกไป
“ฉันไม่พอใจกับคำตัดสิน” เล วัน ที่พี่ชาย พี่สะใภ้ และหลานของเขาเสียชีวิตในเหตุเพลิงไหม้ กล่าว
“พวกเขาควรถูกลงโทษหนักกว่านี้สำหรับสิ่งที่พวกเขาได้ทำกับเรา” เธอกล่าวกับเอเอฟพีทางโทรศัพท์
เล วัน กล่าวว่า ลูกอีกคนของทั้งคู่รอดชีวิต แต่ต้องออกจากเมืองหลวงไปอาศัยอยู่กับญาติในชนบท
คำตัดสินระบุว่า การกระทำของเงียม กว่าง มีง เจ้าของอพาร์ตเมนต์นั้นอันตรายมาก ที่ทำให้เกิดผลกระทบร้ายแรงต่อชีวิตและความเสียหายทางวัตถุ
ด้านหนึ่งของอาคารที่ตั้งอยู่ในตรอกแคบๆ ในพื้นที่ที่มีประชากรหนาแน่นของเมืองหลวง ไม่มีหน้าต่างเลย และผนังอีกด้านมีช่องระบายอากาศขนาดเล็ก
“ในบรรดาผู้เสียชีวิตและได้รับบาดเจ็บ มีเด็กและคนในครอบครัวเดียวกัน ซึ่งสร้างความเจ็บปวดอย่างมาก” ศาลระบุ
มีงถูกสั่งให้จ่ายเงินรวมกว่า 900,000 ดอลลาร์ ให้ครอบครัวเหยื่อและผู้รอดชีวิต
เจ้าหน้าที่ท้องถิ่น 7 คน ยังถูกตัดสินจำคุกตั้งแต่ 30 เดือน ถึง 7 ปี ในข้อหาขาดความรับผิดชอบจนเกิดผลร้ายแรง หลังจากไม่ได้รายงานการกระทำผิดของเจ้าของอพาร์ตเมนต์อย่างถูกต้อง
รัฐบาลสั่งให้มีการตรวจสอบระบบป้องกันอัคคีภัยในอพาร์ตเมนต์ขนาดเล็กและที่พักให้เช่าที่มีประชากรอาศัยอยู่หนาแน่นทั่วประเทศ หลังเกิดเหตุ
เวียดนามมีประชากร 100 ล้านคน ที่ 1 ใน 3 อาศัยอยู่ในเขตเมืองที่มีผู้คนหนาแน่น
เพื่อตอบสนองความต้องการด้านที่อยู่อาศัย เวียดนามได้ออกกฎหมายให้สร้างอาคารอพาร์ตเมนต์ขนาดเล็กที่คนในท้องถิ่นเรียกว่า ‘มินิอพาร์ตเมนต์’ ที่ส่วนใหญ่สร้างโดยบุคคลทั่วไปและให้เช่าแก่ผู้ที่มีรายได้น้อยและแรงงานต่างด้าว หรือขายต่อ
ตามคำฟ้องที่สื่อของรัฐอ้างถึง มีงได้เปลี่ยนแปลงการออกแบบอาคารอย่างผิดกฎหมายเพื่อให้สูงขึ้น 3 ชั้น และมีห้องเพิ่ม 12 ห้อง
การเปลี่ยนแปลงอย่างผิดกฎหมายถูกรายงานขณะที่อาคารอยู่ระหว่างการก่อสร้าง และมีงถูกปรับเงิน แต่เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องไม่ได้รายงานการกระทำผิดดังกล่าวให้ผู้บังคับบัญชาทราบ สื่อของรัฐระบุ
มีรายงานว่าอพาร์ตเมนต์ทั้งหมด 45 ห้องในอาคารดังกล่าวถูกขายออกหมดในปี 2559 การละเมิดกฎระเบียบการป้องกันอัคคีภัยถูกแจ้งเตือนอีกครั้งในช่วงหลายปีก่อนเกิดเหตุเพลิงไหม้ แต่ไม่มีการเปลี่ยนแปลงปรับปรุงอย่างเหมาะสมใดๆ
เหตุไฟไหม้ครั้งนี้ถือว่าร้ายแรงที่สุดในเวียดนามนับตั้งแต่เดือน ต.ค.2545 เมื่อครั้งที่เกิดเหตุเพลิงไหม้ศูนย์การค้าระหว่างประเทศในนครโฮจิมินห์ ที่ทำให้มีผู้เสียชีวิต 60 คน
เวียดนามประสบกับเหตุเพลิงไหม้รุนแรงหลายครั้งในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ซึ่งหลายครั้งเกิดขึ้นในสถานบันเทิงต่างๆ รวมทั้งบาร์คาราโอเกะ.